พลอยทับทิมแอฟริกา
แหล่งแร่รัตนชาติที่เราสามารถพบพลอยทับทิมนั้นมีอยู่ 3 ภูมิภาคหลักด้วยกันได้แก่ เอเซียอาคเนย์ (ไทย-กัมพูชา) แหล่งทับทิมในหินภูเขาไฟ (หินบะซอลต์) แนวเทือกเขาหิมาลัยซึ่งให้กำเนิดทับทิมในหินแปร (หินอ่อน) และแนวเทือกเขาทวีปแอฟริกาตะวันออกซึ่งเป็นหินแปรอีกชนิดหนึ่ง (หินแอมฟิโบไลต์)
ในขณะที่ปริมาณทับทิมในเอเซียเริ่มหายากกว่าในอดีต ปัจจุบันแหล่งพลอยทับทิมจากแอฟริกาได้กลายเป็นแหล่งซัพพลายทับทิมที่ใหญ่และสำคัญที่สุด ที่ป้อนวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ คาดการณ์ว่ามีปริมาณทับทิมเพียงพอสำหรับตลาดอัญมณีได้อีกนานหลายสิบปี
ธรณีวิทยาแห่งเทือกเขาตะวันออก : หากเปรียบเทือกเขาหิมาลัยอันยาวเหยียดเสมือนกระดูกสันหลังของเอเซียใต้แล้ว กระดูกสันหลังของแอฟริกาตะวันออกที่ยาวสุดลูกหูลูกตาและทอดตัวในแนวเหนือ-ใต้ก็คือเทือกเขาโมแซมบิก (Mozambique Belt) ที่เริ่มต้นตั้งแต่เอธิโอเปียในทางเหนือ ลงไปทางทิศใต้โดยผ่านเคนยา แทนซาเนีย แซมเบีย จนถึงโมแซมบิกในทางใต้ เทือกเขาที่ยาวเหยียดนี้เกิดจากการปะทะกันของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดการยกตัวขึ้นมาเป็นเทือกเขา การเคลื่อนไหวทางธรณีนี้อุบัติเมื่อ 750-450 ล้านปีที่แล้ว ในยุคที่มีการก่อตัวของมหาทวีปกอนด์วานา ที่ปะทะเข้ากับศรีลังกา มาดากัสการ์ และอินเดีย ดังนั้นอายุทางธรณีของมาดากัสการ์ ศรีลังกา รวมถึงอินเดียตอนใต้ ถูกให้จัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับแอฟริกาตะวันออก ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและอัญมณี เราเรียกรวมๆว่ากลุ่ม Mozambic Belt ประเทศเหล่านี้จะมีองค์ประกอบของหินและแร่ธาตุคล้ายกัน และมีอายุทางธรณีวิทยาเก่าแก่กว่าแนวเทือกเขาหิมาลัยถึง 10 เท่า
แผ่นที่ทางธรณีวิทยาแสดงการก่อตัวของพื้นที่ Mozambique Belt เมื่อ 750-450 ล้านปีก่อน
(credit: www.wikipedia.org)(พึงสังเกตุว่าแผนที่ธรณีวิทยาด้านบนแตกจากไปจากแผนที่ในปัจจุบัน ซึ่งในยุคนั้นเทือกเขาหิมาลัยยังไม่กำเนิดขึ้นบนโลก)
ยอดเขาคีรีมันจาโรแห่งเทือกเขาโมแซมบิกg

("คีรีมันจาโร" ฉายาหลังคาแห่งแอฟริกา ยอดสูงสุดที่ 5895เมตร จากระดับน้ำทะเล)
หินแปรกับอัญมณี : การเคลื่อนตัวปะทะกันของแผ่นเปลือกโลกทำให้เกิดแรงบดอัดมหาศาลเป็นบริเวณกว้างซึ่งกินเวลายาวนานนับล้านปี จึงทำให้แร่ธาตุและหินดั้งเดิมเกิดการกลายสภาพเป็นแร่ธาตุและเกิดหินชนิดใหม่ขึ้นมา และนั่นก็รวมถึงอัญมณีที่เกิดในชั้นหินแปรนี้ด้วย หินแปรสภาพ (Methamorphic Rock) ในแอฟริกาที่เราพบอัญมณีเป็นหินชนิด "Amphibolite" เป็นส่วนใหญ๋ ซึ่งมีองค์ประกอบแตกต่างไปจากชั้นหินแปรซี่งเป็นหินอ่อนในเทือกเขาหิมาลัย ดังนั้นด้วยสภาพแวดล้อมทางธรณีที่แตกต่างจึงกำหนดให้พลอยทับทิมแห่งแอฟริกามีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกับแหล่งอื่น แร่พลอยคอรันดัมที่กำเนิดในชั้นหินแอมฟิโบไลต์นี้จะมีการเจือปนธาตุเหล็ก (Fe) ในสัดส่วนเพียงเล็กน้อย ต่างจากพลอยในเทือกหิมาลายันที่ปราศจากธาตุเหล็กโดยสิ้นเชิงเนื่องจากถูกห่อหุ้มด้วยชั้นหินอ่อน ดังนั้นพลอยทับทิมจากแอฟริกาจึงมีลักษณะอยู่กึ่งกลางระหว่างทับทิมภูเขาไฟ (ธาตุเหล็กสูง) และทับทิมหิมาลายัน (ปลอดธาตุเหล็ก) ความสมดุลย์ของธาตุเหล็กที่เจืออยู่จึงทำให้ทับทิมแอฟริกาได้คุณสมบัติที่ดีแบบทับทิมเมียนมาร์และทับทิมไทย-กัมพูชาผสมผสานกัน
(Credit: Gemfield)
อัตลักษณ์ : ลักษณะเฉพาะของทับทิมกำเนิดในหินแอมฟิโบไลต์โดยรวมจะสรูปได้ดังนี้
1.สีสันสดใสอย่างทับทิมหิมาลายัน ละม้ายคล้ายทับทิมเมียนมาร์ แต่ด้วยปริมาณแร่เหล็กที่่แฝงอยู่เล็กน้อยช่วยคุมให้การเรืองแสงลดลงในระดับหนึ่ง เมื่อโดนแสงแดดสีจะคงที่ ไม่ดูอ่อนลงจากการเรืองแสง (การเรืองแสงสูงมากต่อรังสี uv ทำให้ดู Chalky)
2. ธาตุเหล็กช่วยให้การก่อตัวของผลึกทับทิมในชั้นหินแปรเกิดรอยแตกร้าวน้อยลง เนื้อพลอยจึงค่อนข้างโปร่งใสมีรอยร้าวไม่มากเกินไป
3. สีพลอยมีเอกภาพ (๋Homogeneous colour) เนื้อสีเนียนเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายคลึงกับทับทิมในหินบะซอลต์ ในขณะที่ทับทิมหิมาลายันลักษณะเนื้อสีเป็นลอนคลื่นคล้ายกับเปลวความร้อน หรือเหมือนหย่อมน้ำเชื่อมในน้ำที่ไม่กระจายตัว (เรียกว่า Treacle)
4. การปรากฏของเส้นของเส้นไหม Rutile ในเนื้อพลอยคอนข้างต่ำหรือแทบไม่มี ทำให้เนื้อพลอยไม่ชุ่นมัว เนื้อพลอยจึงโปร่งแตกต่างไปจากพลอยทางเมียนมาร์ที่อัตราการเกิดเส้นไหมในเนื้อผลึกค่อนข้างสูง
ลักษณะสี : ทับทิมแอฟริกาจำแนกลักษณสีได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่
กลุ่ม 1. กลุ่มสีแดง-แดงส้ม-ส้มแดง ที่เรืองแสงสูง ได้แก่ทับทิมจาก มาลาวี เคนยา แทนซาเนีย เป็นภูมิภาคค่อนไปทางตอนเหนือ เป็นบริเวณที่พบทับทิมมีเฉดสีแดง-แดงส้ม ในสัดส่วนที่มากกว่าสีแดงม่วง พึงสังเกตุว่าในกลุ่มประเทศเหล่านี้เราจะไม่พบทับทิมสตาร์เลย เพราะเนื้อพลอยค่อนข้างโปร่งปราศจากเส้นไหมรูของแร่รูไทล์ สีแดง Scarlet Red หรือสีเลือดนกพิราบเราสามารถพบได้ในอณาบริเวณนี้โดยเฉพาะในแทนซาเนีย (Winza)
ผลึกทับทิมและทับทิมเจียรนัยสี Scarlet Red จากแทนซาเนีย
สำหรับสีแดง Scarlet ในทับทิมอาฟริกาเป็นสีแดงที่เจือสีส้มในระดับที่มากกว่าสี Scarlet ในทับทิมเมียนมาร์ กล่าวคือเป็นสีแดงที่ล้ำเข้าไปในโซนสีส้มเป็นสัดส่วนถึง 30-35 % (ในขณะที่ทับทิมเมียนมาร์เพียง 25%) นอกจากนี้เรายังพบทับทิมเฉดสีที่ก้ำกึ่งระหว่างทับทิมกับ Orange Sapphire อีกด้วย ซึ่งเป็นประเภทที่มีการเรืองแสงค่อนข้างสูง (Malawi)
แซฟไฟร์สีส้มแดงจาก Malawi

(ภาพด้านบนคือตัวอย่างสีก้ำกึ่งระหว่างแซฟไฟร์สีส้มและทับทิม /ภาพ: Gem-a)
กลุ่มที่ 2. กลุ่มสีแดง-แดงม่วง-แดงคล้ำ ได้แก่ประเทศโมแซมบิก และ มาดากัสการ์ เป็นประเทศที่ค่อนไปทางทิศใต้ ในเขตพื้นที่นี้เราพบทับทิมสีแดงสด-แดงม่วงในสัดส่วนที่มากกว่าสีแดงส้ม ความเข้มของสีแดงอาจสูงมาก (High Saturation) จนบางส่วนดูคล้ายกับสีโกเมนเพราะมีการดูดกลืนแสงสูงอันเกิดจากธาตุเหล็ก (Fe) เป็นพื้นที่ซึ่งพบสี Crimson Red ได้ง่าย (กว่าภูมิภาคทางเหนือ) และเรายังสามารถพบทับทิมสตาร์ในเขตนี้อีกด้วย
ทับทิมสี Crimson Red จาก Montepuez-Mozambique ขนาด 10.15 กะรัต
(Credit : GRS)
พึงสังเกตุว่าแหล่งทับทิมที่เราพบบลูแซฟไฟร์เกิดร่วมอยู่ด้วยมักจะมีแนวโน้มไปทางสีแดงบานเย็น (Magenta) ส่วนบริเวณที่พบเฉพาะทับทิมเท่านั้นทับทิมจะมีสีแดงที่ชัดเจนกว่า อนึ่งเรายังพบทับทิมและแซฟไฟร์หลากสีอยู่ในแนวหินเป็กมาไทต์ (Pegmatite Pipe) ตามเทือกเขาแอฟริกาตะวันออกอีกด้วย พลอยที่กำเนิดในเป็กมาไทต์มีสีสันเป็นเอกลักษณ์ต่างไปจากพลอยส่วนใหญ๋
นอกจากสองกลุ่มหลักที่กล่าวมาแล้วยังมีชนิดย่อยที่แตกต่างออกไปอีก ได้แก่บริเวณทิศเหนือของมาดากัสการ์ที่มีแนวหินบะซอลต์อยู่ เราพบทับทิมในเขตนี้คล้ายคลึงกับกับทับทิมไทย-เขมร โดยเฉพาะอย่างยิ่งดูเหมือนกับทับทิมบ่อไร่ของไทยจนแทบแยกไม่ออก มาดากัสการ์เป็นประเทศในภูมิภาคที่พบได้ทั้งทับทิมในหินแปรและทับทิมในหินบะซอลต์ เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มาก
อนี่งแผนที่ทางธรณีนั้นแตกต่างจากแผนที่ภูมิศาสตร์ ทางธรณีวิทยาประเทศศรีลังกาซึ่งเป็นเกาะใหญ่คล้ายกับเกาะมาดากัสการ์ก็ถูกจัดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแอฟริกา เพราะเป็นแผ่นเปลือกโลกที่ก่อตัวในยุคสมัยเดียวกัน มีอายุทางธรณีเท่ากับทวีปแอฟริกา กล่าวคือศรีลังกาก็เป็นส่วนหนึ่งของ Mozambique Orogenic Belt ด้วยเช่นกัน เมื่อเงื่อนไขทางธรณีวิทยาเป็นดั่งนี้แล้ว เราจะได้กลุ่มสีที่สามเพิ่มขึ้นมา นั่นก็คือกลุ่มทับทิมศรีลังกา ซึ่งมีสีค่อนข้างแปลกแยกจากกลุ่มสีทั้งสองข้างต้น ส่วนใหญ่มีสีชมพูอมแดง-สีชมพู ซึ่งเฉดสีเบี่ยงออกจากตำแหน่ง Mid-Red ไปค่อนข้างมาก จึงมีลักษณะของ Pink Sapphire มากกว่าทับทิม จุดเด่นอยู่ที่เนื้อพลอยค่อนข้างปลอดตำหนิและมีประกายดี
รุ่งอรุณแห่งอัญมณี : ทับทิมจากภูมิภาคแอฟริกา (กำเนิดในหินแอมฟิโบไลต์) นั้นมีคุณสมบัติอยู่ตรงกึ่งริกลางระหว่างทับทิมหินแปรหิมาลัย กับทับทิมหินภูเขาไฟ (บะซอลต์) ไทย-กัมพูชา ทับทิมแอฟริกาจึงได้ข้อดีจุดจากทั้งสองตระกูลรวมกัน กล่าวคือได้สีที่สดใสอย่างทับทิมหินแปร ได้เนื้อพลอยโปร่งใสมีรอยแตกร้าวต่ำและผิวมันวาวอย่างทับทิมหินบะซอลต์ ขณะเดียวกันการปรากฏของเส้นไหมรูไทล์ไม่มากเท่าทับทิมหินแปร และสีไม่คล้ำมากอย่างทับทิมหินบะซอลต์ จากการพบแหล่งทับทิมจากแอฟริกาตลอดศตวรรษที่ 20 จวบจนกระทั่งปี 2009 ได้พบทับทิมแหล่งใหญ่ที่สุดใน Montepuez (โมแซมบิก) ทับทิมปริมาณมากมายจากภูมิภาคนี้ก็ทยอยเข้าสู่อุตสาหกรรมอัญมณีอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันทับทิมแอฟริกาได้ครองสัดส่วนถึง 90% ของทับทิบในตลาดโลก ได้แทนที่ทับทิมเมียนมาร์และทับทิมไทย-กัมพูชาในอดีตไปเสียแล้ว นับตั้งแต่อัญมณีเม็ดงามแห่งแอฟริกาถูกค้นพบและถูกเจียรนัยจนเปล่งแสงเปล่งประกายออกมา กาฬทวีปนั้นก็ไม่ได้มืดมิดอีกต่อไป
ในขณะที่ทับทิมโมกก ทับทิมบ่อไร่ถูกระบุเป็นสิ่งบ่งบอกทางภูมิศาสตร์ ความเก่าแก่ของแหล่งกำเนิดและชื่อเสียงอันยาวนานเปรียบเสมือนการตราประทับของความมีระดับและน่าเชื่อถือ (Hall Mark) ในการรับรู้และการจดจำของผู้คน แต่นั่นอาจทำให้เราพลาดโอกาสในการแสวงหาสิ่งใหม่ ทับทิมแอฟริกานั้นสวยงามไม่แพ้ทับทิมของเอเซีย และบ่อยครั้งมีการนำทับทิมแอฟริกาไปแอบอ้างเป็นทับทิมเมียนมาร์และทับทิมสยามเพื่อให้ได้ราคาที่พึงพอใจ เพียงเพราะ Origin ยังมีอิทธิพลในการกำหนดราคา เราควรหรือไม่ที่จะมองข้ามเรื่องแหล่งกำเนิด แล้วมุ่งเน้นความสำคัญคุณสมบัติอัญมณีโดยตรง เราจะมีโอกาสสัมผัสทับทิมคุณภาพดีในราคาที่เราจับต้องได้ ทับทิมแอฟริกาอันงดงามนี้ควรได้รับการชื่นชมในความเป็นอัญมณีแอฟริกาที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตน โดยไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใคร
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)
29 พฤศจิกายน 2563
บรรณนุกรม 1. Petrochemistry of Corundum-bearing rock from Montepuez deposit / Alongkot Fanka, Chulalongkorn University
2. A Classification of gem corundum deposit / Simonet, C; Fritsch, E (2008)
3.The Roots of Origin Determination / Gubelin Lab Ltd (2006)
4. ศักยภาพพลอยมาดากัสการ์กับแนวโน้มการลงทุน / รัก หรรษาเวก, กรมทรัพยากรธรณี (2001)
5. Ruby Deposit : A Reviw and Geologicl Classification (2020) / Gaston Giuliani, Lee A. Groat, Antony E. Fallick, Isabella Pignatelli and Vincent Pardieu.