"Gem Lab Robot" Gemologist แห่งอนาคต
แล็บตรวจวิเคราะห์อัญมณีมีอยู่สามประเภทตามลักษณะการใช้งานได้แก่ ประเภทที่หนึ่ง"แล็บภาคสนาม" เป็นแล็บที่ใช้อุปกรณ์แบบพกพาเพื่อให้สะดวกในการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ เช่น เหมืองพลอย ท้องถิ่นห่างไกลที่มีการชื้อขายก้อนพลอยดิบ ด้วยอุปกรณ์ค่อนข้างจำกัด ผู้ตรวจวิเคราะห์อัญมณีต้องเป็นผู้มีความชำนาญเป็นพิเศษ ถัดมาคือห้องแล็ปในเมืองหรือแล็ปท้องถิ่นที่ให้บริการให้เชิงพาณิชย์สำหรับตรวจอัญมณีที่เจียรนัยแล้ว (ผมเรียกว่า "แล็ปห้องแถว") เน้นบริการในเชิงปริมาณและให้ความรวดเร็ว แล็ปนี้ทำเอกสารระบุชื่อชนิดประเภทของอัญมณีและรับรองความเป็นอัญมณีธรรมชาติของอัญมณีนั้น แต่ไม่สามารถตรวจวิเคราะห์ในการปรับคุณภาพ (Treatment) ระบุแหล่งกำเนิด (Origin) และอายุทางธรณีวิทยา (Age) ได้ ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับใช้อ้างอิงในการซื้อขายแลกเปลี่ยนในเบื้องต้น และประเภทสุดท้ายคือแล็บสถาบัน (สถาบันอัญมณีศาสตร์) ที่มีผลงานการวิจัยทางวิชาการและเป็นศูนย์ฝึกอบรม สถาบันตรวจวิเคราะห์อัญมณีได้อย่างละเอียด เพราะมีอุปกรณ์ครบครันซึ่งรวมไปถึงเครื่องมือขั้นสูง (Advanced Instrument) ที่ใช้สำหรับทำงานวิจัย พร้อมด้วยบุคคลากรผู้ชำนาญการในหลายสาขา จึงสามารถวิเคราะห์การปรับคุณภาพอัญมณี ตรวจอัญมณีสังเคราะห์ชนิดที่ยากต่อการพิสูจน์ สามารถระบุแหล่งกำเนิด และประเมินอายุทางธรณีของเพชรพลอยได้ แล็บสถาบันจึงมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผมยกตัวอย่างในประเทศไทยเราได้แก่สถาบัน GIT มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นองค์การมหาชนที่ไม่มุ่งผลกำไร (Non Profit Organisation) สถาบันที่มีชื่อเสียงอื่นๆในต่างประเทศที่เราคุ้นเคยเช่น Gem-A , AIGS , AIS, Gubelin Gem Lab เป็นต้น เอกสารใบรับรองที่ออกโดยสถาบันเหล่านี้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังนั้นอัญมณีมูลค่าสูงสำหรับส่งออกสู่ตลาดโลก อัญมณีสำหรับจัดประกวดและที่จะนำเข้าสู่งานประมูล ตลอดจนอัญมณีจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ควรจะได้การตรวจวิเคราะห์และรับรองโดยสถาบัน
การส่งอัญมณีไปตรวจที่สถาบันเพื่อออกเอกสารใบรับรอง (Gem Certificate) นั้นต้องใช้เวลาหลายวัน หรือหลายสัปดาห์ เพราะต้องรอคิวยาว และบางครั้งก็รอนานนับเดือน แต่ก็คุ้มค่าที่จะรอคอยเพราะเอกสารนำไปใช้ได้ทั่วโลก ผมขอยกตัวอย่างเช่น ผมเคยส่งพลอยไปตรวจที่ GIT ก่อนเทศกาลวันหยุดยาวสงกรานต์เล็กน้อย กว่าจะไปรับพลอยและใบเซอร์ได้ก็ต้องรอไปอีกสองเดือน เพราะวันหยุดยาวทำให้มีคิวสะสมมาก แม้ปัจจุบันจะมีบริการแบบช่องทางด่วน (Express) ที่เร่งเป็นพิเศษ แต่กระนั้นก็ตามก็ต้องรอข้ามวันข้ามคืนเช่นกัน
ในยุคพัฒนาการไอทีที่ก้าวกระโดด เราหวังกันว่าในอนาคตเราจะมีเครื่องมืออุปกรณ์ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ ช่วยย่นระยะเวลาในการตรวจประเมินอัญมณีที่แสนยุ่งยาก ลองจินตนาการดูสิว่าจะดีสักเพียงใด ถ้าเราเพียงวางอัญมณีนั้นลงไปในเครื่องอุปกรณ์อัจฉริยะ แล้วปล่อยให้ Robot หรือเครื่องมืออัจฉริยะทำงาน แล้วเราก็นั่งดื่มกาแฟอย่างผ่อนคลายรอผลการตรวจและรอเอกสารที่พิมพ์อย่างเรียบร้อยในเวลาไม่นาน เครื่องมืออัจฉริยะที่สามารถตรวจเพชรพลอยด้วยกล้องจุลทัศน์อัตโนมัติ วิเคราะห์แสงสเปคตรัม และแยกแยะเคมีของอัญมณีนั้นๆแทนแรงงานมนุษย์ แล้วก็ประเมินผลได้แม่นยำถึงระดับร้อยเปอร์เซนต์โดยใช้เวลาเพียงสั้นๆ กล่าวคือทำงานทุกอย่างแทน Gemologist ปัจจุบันนี้จินตนาการดังกล่าวนั้นใกล้เป็นความจริงเข้ามาทุกทีแล้วครับ เมื่อ Dr Daniel Nyfeler ผู้อำนวยการสถาบัน Gubelin Gem Lab ได้เผยว่าเขาและทีมงานกำลังตระเตรียมฐานข้อมูลแล็บอัญมณี สำหรับใช้งานกับซอฟแวร์คอมพิวเตอร์ที่จะมีขึ้นในอนาคต ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะทำงานอัตโนมัติอย่างไม่เคยมีมาก่อนในวงการอัญมณีและเครื่องประดับ

(อุปกรณ์ LA-ICP-MS ในสถาบัน Gubelin Gem Lab ที่ให้รายละเอียดทางเคมีจำนวนมหาศาลในอัญมณีแต่ละเม็ด)
ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสร้างฐานข้อมูล สิ่งที่จะถูกเก็บในคลังข้อมูลนั้นประกอบด้วยข้อมูลสามส่วนได้แก่ ข้อมูลทางภาพจุลทัศน์ ข้อมูลสเปคตรัมแสง และสภาพทางเคมีในอัญมณี ข้อมูลเหล่านี้คือปัจจัยสำคัญสำหรับประเมินอัญมณี เท่าที่ทราบการหาข้อมูลนั้นทำอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด ผมขอยกตัวอย่างข้อมูลทางกล้องจุลทัศน์ ต้องเก็บรายละเอียดแม้แต่ระดับอนุภาคขนาดเล็ก (Minute Particles) ที่อยู่ในเนื้อพลอย : รูปแบบการเรียงตัว การกระจาย การเกาะกลุ่มของอนุภาคขนาดเล็กของอัญมณีจากทุกๆแหล่งกำเนิดเพื่อเปรียบเทียบส่วนแสงสเปคตรัมของพลอยนั้น ทีมงานจะรวบรวมแพทเทอร์นแสงสเปคตรัมของอัญมณีที่มาจากแหล่งต่างๆมารวมไว้ทั้งหมด พร้อมกับจำแนกประเภทจัดหมวดหมู่ และส่วนประกอบทางเคมีต่างๆของอัญมณีนั้นก็ทำอย่างละเอียด วิเคราะห์สัดส่วนของธาตุผ่านชนิดต่างๆแล้วทำกราฟรวบรวมไว้ในคลัง (Data base) การหาข้อมูลทำเป็นทีมเวอร์ค เป็นลักษณะ
"การวางแผนแบบบูรณาการ" ที่กระจายงานไปยังทีมนักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวในสาขาต่างๆ เช่น นักสินแร่วิทยา นักธรณีวิทยา นักฟิสิก นักเคมี นักเคมีฟิสิก นักอัญมณีศาสตร์ เป็นต้น ข้อมูลที่ได้ถูกทำเป็นระบบเพื่อป้อนเข้าคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นคลังข้อมูลที่ซอฟแวร์อัจฉริยะจะดึงไปใช้งาน พอเห็นภาพไหมครับว่าทีมงานที่อยู่เบื้องหลังทำงานหนักขนาดไหน และข้อมูลมีมากมายเพียงใด และด้วยฐานข้อมูลมหาศาลที่ครอบคลุมในทุกมิติ การประเมินผลด้วยระบบอัจฉริยะจึงแม่นยำเกินกว่าพิสัยมนุษย์จะทำได้ วิเคราะห์ได้แม้แต่พลอยที่มาจากแหล่งกำเนิดที่คล้ายคลึงกัน ยกตัวอย่างการแยกทับทิมเมียนมาร์ออกจากทับทิมเวียตนามที่ยากต่อการแยกแยะในห้องแล็บสามัญ ก็จะเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายๆในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องถามหากูรูผู้สันทัดการมาให้ความเห็นในตัดสินชี้ขาด (เพราะกูรูเหล่านี้อาจผิดพลาดโดยใช้อัตวิสัยในการตัดสิน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง) การแยกเพชรธรรมชาติสีเขียวออกจากเพชรเขียวอาบรังสีเป็นเรื่องยากและสับสนก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆในพริบตา ซอฟแวร์อัจฉริยะทำงานได้อย่างมีสมรรถาพเกินกว่าสายตาและสมองมนุษย์มากมายนัก

(ลักษณะการเรียงต้วของอนุภาคฝุ่นในแซฟไฟร์จากแคชเมียร์ ศรีลังกา และ มาดากัสการ์ตามลำดับ Credit: GEM-A)
เมื่อระบบเครื่องอัจริยะทำงานแทนมนุษย์ได้ทุกอย่างแล้ว Gemologist จะไปอยู่ตรงไหน และยังมีงานให้ทำอีกหรือไม่ นักอัญมณีศาสตร์ก็จะมีเวลามากขึ้นในการทำงานวิจัย ศึกษาเก็บข้อมูลอัญมณีจากแหล่งอัญมณีใหม่ๆ และทำงานพัฒนาระบบคำสั่งปฎิบัติงาน (Algorithms) ของซอฟแวร์ที่ใช้วิเคราะห์อัญมณีซึ่งเป็นงานอยู่เบื้องหลังของนวัตกรรมนั้น มีรูปแบบงานที่อิสระไม่ต้องจำกัดพื้นที่การทำงานเฉพาะในห้องปฎิบัติการเหมือนแต่ก่อน สามารถเผยแพร่แบ่งปันความรู้ที่ตนมีออกในวงกว้าง เป็นผู้บริการให้คำปรึกษา หรือบริหารควบคุมระบบบริการและประเมินคุณภาพของบริการในวงการอัญมณี เป็นต้น ทำให้ออกจากความจำเจมาสู่มิติใหม่ในการทำงาน
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณื (FGA)
11 กรกฏาคม 2020
อ้างอิง : 1. "Oher Gem Properties" , Gem-A Diploma (D.8)
2. The Gossary of Gemology (Document), GIT, 2015
3. Gems & Jewellery Vol. 29/no.2