พลอยแซฟไฟร์ที่พบในประเทศไทยเป็นพลอยที่กำเนิดในหินภูเขาไฟ (หินบะซอลท์) คุณสมบัติทางกายภาพนั้นแตกต่างจากแซฟไฟร์ที่กำเนิดในชั้นหินแปร ไม่ว่ารูปร่างผลึก สีสัน และสัดส่วนแร่ธาตุที่เจือปนในเนื้อพลอย สิ่งเหล่านี้ล้วนกำหนดอัตลักษณ์ของอัญมณีจากหินภูเขาไฟ ผลึกพลอยที่เราพบส่วนใหญ่มักแตกออกเป็นแผ่นเรียบที่มีมีความหนาไม่มากนัก ซึ่งเป็นผลจากการก่อตัวของเส้นเข็มแร่ฮีมาไทต์ (ทำให้เกิดรอยแยก Parting) ผลึกจึงไม่เป็นก้อนทรงกระสวยอย่างแซฟไฟร์ในหินแปร ผลึกที่ไม่หนาทำให้การเจียรนัยมีข้อกำกัด เนื้อพลอยยังมีคุณสมบัติดูดกลืนแสงที่แตกต่างกันไปตามแหล่งที่พบอีกด้วย
พลอยแซฟไฟร์ในประเทศไทยเป็นพลอยที่มีการพบกระจายอยู่มากมายในหลายภูมิภาค แซฟไฟร์ในแต่ละภูมิภาคก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน เราจึงเลี่ยงที่จะเรียกว่า "แซฟไฟร์สยาม" หรือ "ไพลินสยาม" (ตามที่พ่อค้าอัญมณีหลายท่านพยายามเรียกกันอยู่) ซึ่งเป็นการระบุพิกัดภูมิศาสตร์ มันจะไม่เหมือนกับกรณีทับทิมสยามที่ขุดพบในจังหวัดตราดเพียงแหล่งเดียวเท่านััน เราจึงสามารถกำกับนิยามทางภูมิศาสตร์ลงไป แม้ว่าแซฟไฟร์จะพบได้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย แต่แหล่งสำคัญหลักที่สามารถผลิตในเชิงพาณีชย์นั้น ได้แก่ภูมิภาคตะวันออก คือจังหวัดจันทบุรี-ตราด ไปจรดชายแดนกัมพูชา และทางตะวันตกของภาคกลางที่จังหวัดกาญจนบุรี ดังนั้นบทความนี้เราจะกล่าวถึงเฉพาะแหล่งพลอยแซฟไฟร์ที่สำคัญของสองภูมิภาคนี้เท่านั้นครับ
จันทบุรี-ตราด
ภูมิภาคตะวันออกติดทะเล จังหวัดจันทบุรีและตราดไปจรดเขตชายแดนไทย-กัมพูชา เราพบแซฟไฟร์กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ เราแบ่งเป็น 2 โซนหลักด้วยกัน โดยเรานับจากอำเภอเมืองจันทบุรี (จุดศูนย์กลาง) ไปยังทิศตะวันตกของเมืองจันทบุรี และเขตตะวันออกของจันทบุรีต่อเนื่องไปยังจังหวัดตราด
1.แหล่งบางกะจะ
รวมพื้นที่บางกะจะ เขาพลอยแหวน เขาวัว ท่าใหม่ ตั้งอยู่ทางตะวันตกของอำเภอเมืองจันทบุรี แหล่งนี้เป็นแหล่งพลอยเก่าแก่ ขุดพลอยกันมาแต่สมัยโบราณและเป็นแหล่งใหญ่ที่ป้อนวัตถุดิบให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีในตัวจังหวัด พลอยที่พบมี พลอยสตาร์ พลอยบุษราคัม พลอยเขียวส่อง พลอยน้ำเงิน เพทาย และโกเมน (Pyrope)
"แซฟไฟร์" หรือ "พลอยน้ำเงิน" ในท้องที่แห่งนี้จะมีสีน้ำเงินอมเขียวค่อนข้างมืดคล้ำ เนื่องจากมีอัตราการดูดกลืนแสงค่อนข้างสูง ก้อนผลึกแสดง (Dichroism Blue vs Greenish Blue) อย่างชัดเจนมาก เราจะเห็นทั้งสีน้ำเงินและสีน้ำเงินอมเขียวในพลอยเมื่อเรามองในทิศทางที่ต่างกัน การตั้งหน้าพลอย (การตั้งสี) ให้สีน้ำเงินปรากฎอยู่บนหน้าพลอยนั้นสำคัญมาก ซึ่งมันมีผลต่อการกำหนดราคา การตั้งสีอาจมีข้อจำกัดถ้าก้อนพลอยนั้นมีความหนาไม่มากพอ ซึ่งก้อนพลอยที่ขุดพบส่วนใหญ่ค่อนข้างบาง ทำให้หน้าพลอยกว้างแต่ก้นตื้นไม่ได้สัดส่วน
สีน้ำเงินอมเขียวคล้ำ (Dark Greenish Blue) เป็นสีหลักของแซฟไฟร์แหล่งบางกะจะ สีน้ำเงินที่สวยก็พอพบได้บ้างเป็นส่วนน้อย ค่อนข้างหายาก หากพบจะถูกเรียกว่า "สีพิเศษ" (ซึ่งหมายถึงแตกต่างจากแซฟไฟร์ปรกติทั่วไป นานๆจึงพบสักครั้ง) เท่าทีพบสีพิเศษอาจอยู่แค่ระดับสี "Indigo Blue" แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงสังเกตุเห็นเงาจางๆ (Overtone) ของสีเขียวปรากฎอยู่ในพลอย
2.แหล่งรอยต่อจันทบุรี-ตราด
โซนนี้อยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองจันทบุรี เริ่มจากอำเภอขลุงต่อเนื่องเข้าไปในพื้นที่ของจังหวัดตราดจรดอำเภอเขาสมิง มีการพบแซฟไฟร์หลายพื้นที่ ที่เด่นๆได้แก่
"บ้านอิเร็ม"
"บ้านอิเร็ม" อยู่ตรงรอยต่อของจันทบุรีและตราด (เขาสมิง) พบพลอยแซฟไฟร์มีสีน้ำเงินแบบหนักแน่น ตรงตามตำแหน่งสี (Mid-Blue) สีมีความอิ่มตัวมาก ผิวพลอยมีความแวววาว แต่ทว่าสีค่่อนข้างคล้ำ เพราะว่ามีคุณสมบัติดูดกลืนแสงสูง จึงได้สีน้ำเงินที่ค่อนข้างมืดอย่าง Twilinght Blue พลอยสีน้ำเงินสวยที่ไม่คล้ำจนเกินไปก็พบได้บ้างแต่เป็นส่วนน้อย จัดเป็นสีพิเศษที่ละม้ายใกล้เคียงกับแซฟไฟร์ของกัมพูชา (บ่อไพลิน) ทีเดียว
"บ้านตกพรม"
พลอยแซฟไฟร์ของบ้านตกพรมเป็นลักษณะน้ำเงินอมเขียวที่คล้ายบางกะจะ แต่ความอิ่มตัวของสีนั้นเบาบางกว่า ความวาวผิวไม่มากนัก และประกอบกับการดูดกลืนแสงในระดับปานกลาง สีพลอยจึงใสไม่ดูคล้ำเท่ากับพลอยจากสองแหล่งแรกที่กล่าวมาในข้างต้น และเราอาจพบสีน้ำเงินแบบ Indigo Blue ได้บ้าง
นอกเหนือจากนี้ยังมีบริเวณอำเภอโป่งน้ำร้อนที่มีรายงานว่าพบพลอยแซฟไฟร์อยู่บ้างปะปราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามแนวหินบะซอลท์ในหุบเขา เขตติดต่อกับชายแดนกัมพูชาที่มักพบพลอยคุณภาพสูง สีสวยใกล้เคียงแซฟไฟร์จากบ่อไพลิน เรียกกันว่าพลอยชายแดน ในปัจจุบันเรายังไม่ทราบปริมาณสินแร่ที่แน่นอน เพราะผู้หาพลอยเป็นแรงงานชาวบ้านที่ขุดหากันอย่างเงียบๆ
กาญจนบุรี
แซฟไฟร์จากจังหวัดกาญจนบุรี ในพื้นที่อำเภอบ่อพลอยมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างจากแซฟไฟร์จากภูมิภาคอื่น พลอยมีสีน้ำเงินที่ชัดเจนตรงตำแหน่ง (Vivid Blue) ความอิ่มตัวของสีค่อนข้างดี และมีการดูดกลืนแสงเพียงปานกลาง และมักพบอนุภาคฝุ่นขาว (Minute Particle) ปนอยู่ในเนื้อของพลอยส่วนใหญ่ คล้ายกับการโรยด้วยแป้งบางๆ ทำให้เนื้อพลอยมีสีน้ำเงินที่นุ่มนวลละม้ายคล้ายแซฟไฟร์จากแคว้นแคชเมียร์อยู่บ้าง แตกต่างกันเพียงแซฟไฟร์เมืองกาญจน์นั้นไม่มีเงาของสีม่วง (Violet Overtone) เจืออยู่เลย จึงไม่เป็นสี Cornflower Blue อย่างแซฟไฟร์เทือกเขาหิมาลัยอันเลื่องชื่อ อนุภาคฝุ่นนี้เราพบในพลอยส่วนใหญ่ ส่วนพลอยที่สะอาดโดยปราศจาก Minute Particle นั้นมีไม่ถึง 5% ของพลอยที่ขุดได้ทั้งหมด อนุภาคในพลอยเพียงเล็กน้อยก็ทำให้พลอยดูเป็นน้ำเงินเนียนแบบกำมะหยี่ แต่ถ้ามีมากจนเกินไปแล้วพลอยก็จะหม่าขาว (Milky) และทึบแสง
พลอยที่ปราศจากอนุภาคฝุ่นโดยสิ้นเชิง ที่เนื้อพลอยสะอาดระดับ 100% (มีน้อยกว่า 5% ของพลอยที่ขุดได้) พลอยกลุ่มนี้ลักษณะจะคล้ายคลึงกับแซฟไฟร์จากศรีลังกาเป็นอย่างมาก บ่อยครั้งที่พลอยน้ำเงินเมืองกาญจน์ถูกขายเป็นพลอยศรีลังกา (หรือที่เราเรียกว่าพลอยซีลอน) ขนาดของพลอยเมืองกาญจน์นั้นเราพบได้ทุกขนาดหลากหลาย ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนใหญ่เท่ากำปั้นหนักเป็นร้อยกะรัต ชาวเมืองกาญจน์เคยขายก้อนพลอยดิบขนาดใหญ่ให้ชาวอเมริกัน (น่าจะประมาณช่วงหลังสงครามโลก) ปัจจุบันเก็บอยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนี่ยน กรุงวอชิงตันดีซี รายละเอียดของพลอยก้อนนี้เลือนลางมาก ใครที่ทราบประวัติพลอยเม็ดนี้ และทราบขนาดน้ำหนักที่แน่นอน ผมขอความอนุเคราะห์ด้วยครับ กรุณาส่งข้อมูลให้หน่อยครับ จะกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
นอกเหนือจากแหล่งแซฟไฟร์ในภาคตะวันออกของไทยแล้ว ก็มีแหล่งภาคตะวันตกจากเมืองกาญจน์นี่แหละที่ผลิตพลอยน้ำเงินในเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาดอัญมณีโลก ในแง่ของคุณภาพเมืองกาญจน์เป็นแหล่งแซฟไฟร์เพียงแหล่งเดียวของประเทศไทยที่พลอยแซฟไฟร์มีความงดงามเชิดหน้าชูตาในระดับสากล แบบไม่อายใคร ปีพศ. 2535-2537 เป็นระยะที่แซฟไฟร์เมืองกาญจน์บูมถึงที่สุด สามารถทำรายได้มหาศาลเข้าสู่จังหวัดเป็นประวัติกาล จากการทำเหมืองเปิด (Open-pit mining) ทำให้สินแร่หมดไปอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันการทำเหมืองซบเซามาก เนื่องจากปริมาณพลอยร่อยหรอจนเหลือพื้นที่เพียงไม่กี่แห่งที่ยังขุดหากันอยู่ ปริมาณพลอยค่อนข้างหายาก นั้นหมายถึงยุคเฟื่องฟูแห่งการตื่นพลอยได้ผ่านพ้นกลายเป็นตำนานไปแล้ว
บ้านบ่อแก้ว อำเภอเด่นชัยจังหวัดแพร่นั้นก็เป็นอีกแหล่งที่เคยพบแซฟไฟร์ที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงกับพลอยเมืองกาญจน์ คือมีอนุภาคสีขาวเจือในผลึกพลอยบางส่วน สิ่งที่แปลกและสวยงามของแหล่งเด่นชัยที่ไม่ค่อยมีใครกล่าวถึงก็คือพลอยสตาร์แซฟไฟร์ของเด่นชัย เป็นพลอยสตาร์สีน้ำเงินอมเทา ผิวเนียน เนื้อเนียน ที่มีสาแหรกอันคมกริบชัดเจนที่สุดเท่าที่เคยพบเห็น สวยงามเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแหล่งไม่เหมือนใคร เนื้อพลอยเกิดจากการผสมผสานของอนุภาคสีขาวขนาดเล็กกับเส้นเข็มแร่รูไทล์อย่างลงตัว ในอดีตผมเคยพบเห็นพลอยชนิดนี้ตามร้านทองแถวเมืองศรีสัชนาลัย สุโขทัย และที่จังหวัดเชียงใหม่ พลอยนี้ออกสู่ตลาดอัญมณีในระยะเวลาสั้นๆและหมดไปอย่างรวดเร็ว น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้เก็บสะสมเอาไว้ จึงไม่มีตัวอย่างมาแสดงให้ดู ถ้าใครมีภาพตัวอย่างพลอยสตาร์เด่นชัยมาเพยแพร่แบ่งปัน ผมขอเชิญนะครับ
พอจบบทความนี้เท่ากับผมได้พูดครอบคลุมหัวข้อพลอยเนื้อแข็งในประเทศไทยไว้ได้ทั้งหมด และบังเอิญว่าเรื่องพลอยแซฟไฟร์สีน้ำเงินตรงกับพลอยชนิดสุดท้ายในซีรีส์พลอยเนื้อแข็ง (คอรันดัม) อัญมณีคือสินทรัพย์ของแผ่นดิน เป็นสมบัติเกิดแต่พื้นปฐพี เหมาะสมแล้วที่รัตนชาติเหล่านี้มากำเนิดในดินแดนสุวรรณภูมิ ดินแดนแห่งความมั่่งคั่งด้วยทรัพยากร ร่ำรวยด้วยสมบัติทางวัฒนธรรมและศีลปะที่แสนงดงาม ผู้คนล้วนมากด้วยน้ำใจไมตรี ดินแดนที่นานาอารยะประเทศล้วนกล่าวขานถึงและปราถนามาเยี่ยมเยือน เราควรตระหนักถึงความโชคดีและอภิสิทธิ์ที่ได้พักอาศัยในดินแดนอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ และช่วยกันบำรุงรักษาเพื่อสืบทอดเและส่งมอบให้กับชนรุ่นต่อไปครับ
ขอแสดงความขอบคุณอย่างสูงมายังคุณ รุจิทิพย์ ปัญจะ ที่เอื้อเฟื้อข้อมูลและภาพถ่ายสำหรับบทความนี้ครับ
28 กรกฎาคม 2562
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)
คลีนิกอัญมณี
"คลีนิกอัญมณี" เป็นคอลั่มน์รวมบทความต่างๆทางอัญมณีศาตร์ ทั้งที่เกี่ยวกับแวดวงการค้าอัญมณี และในเชิงวิชาการของการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทต่างๆในห้องแลบ ยังรวมไปถึงเรื่องราวอัญมณีที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งอาจมาจากคำถามที่พบบ่อยเป็นต้น บทความที่ผมเขียนขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ในที่นี้ ท่านสามารถติดตามบทความใหม่ของเราที่จะนำเสนอเป็นระยะๆ รวมถึ่งการอ่านเรื่องย้อนหลังได่อีกด้วย
วัฒน์
(หมอพลอย)
หน้าที่เข้าชม | 368,250 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 271,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.พ. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ส.ค. 2568 |
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์: 081-8102763
LINE ID: siriwat28
siriwat.jiamanusorn@gmail
Fanpage: @jwlab.gem