ทับทิมจากหินภูเขาไฟ
ทับทิมจากหินภูเขาไฟคือทับทิมที่กำเนิดลึกลงไปใต้เปลือกโลก ณบริเวณที่มีความกดดันและอุณหภูมิสูง ต่อมาก็ถูกหินหนืดพาให้ขึ้นมาใกล้กับผิวโลกตอนเกิดการปะทุของภูเขาไฟ เราพบพลอยเหล่านี้ฝังตัวอยู่ในหินภูเขาไฟ (หินบะซอลท์) หรือในปล่องภูเขาไฟที่ผุกร่อน การพบหินบะซอลท์ถือเป็นจุดบ่งบอกถึงแหล่งอัญมณี
ลักษณะทับทิมหินภูเขาไฟ: ทับทิมที่กำเนิดอยู่ลึกลงไปใต้เปลือกโลกได้ธาตุโครเมี่ยมให้สีแดงในพลอย แต่ทว่าเป็นโครเมี่ยมที่มีแร่เหล็กเข้าผสมปะปนร่วมอยู่ด้วย ซึ่งแร่เหล็กที่เกิดอยู่ร่วมกับธาตุโครเมี่ยมเป็นตัวคุมมิให้เกิดรอยร้าวรอยแตกขณะที่ผลึกกำลังก่อตัว ทับทิมในหินภูเขาไฟจึงมีความแกร่งและได้ความใสสะอาดของผลึกที่ไม่ค่อยแตกร้าว นอกจากนี้ความใสยังได้มาจากภาวะที่ปลอดเส้นใยแร่รูไทล์ (เส้นไหม)ในผลึก ทำให้ทับทิมหินภูเขาไฟไม่มีลักษณะของเหลือบเนื้อแพร (Sheen) หรือสตาร์ จึงนำไปเจียรนัยเป็นแบบเหลี่ยมได้ดี (Facet Cut) ผิวพลอยได้ความมันวาวจากธาตุเหล็กทำให้มีประกาย ชนิดที่ความวาวสูงมากแสงสะท้อนจากเหลี่ยมคล้ายโลหะเราเรียก "ทับทิมทอง" ชนิดนี้จะมี Over Tone ของสีเหลืองปรากฏอยู่จางๆ และมีเนื้อพลอยใสมาก ธาตุเหล็กที่มาเกิดร่วมอยู่กับธาตุโครเมี่ยมก็ทำให้ทับทิมหินภูเขาไฟนั้นมีคุณสมบัติดูดกลืนแสงบางส่วน ซึ่งส่งผลให้เกิดเงามืดอยู่ในเหลี่ยมพลอย การมีเงาภายในเหลี่ยมเล็กน้อยทำให้เหลี่ยมดูคมชัด (Sharp/Contrast) และเมื่อเราหมุนพลอยในทิศทางต่างๆจะเห็นการสลับเหลี่ยมตามมุมแสง มีมิติของการเคลื่อนไหว (Dynamic) ทับทิมหินภูเขาไฟจึงมีลักษณะสีแดงที่มีการเคลื่อนไหวของประกายเหลี่ยม (ทับทิมจากหินแปรนั้นจะเป็นลักษณะแดงเรื่องแสงหรือแดงเปล่งแสงแบบนิ่งๆ) แต่ถ้ามีระดับการดูดกลืนแสงสูงเกินไปพลอยจะมีสีคล้ำมืด คุณสมบัติการดูดกลืนแสงนั้นเป็นเหตุผลที่ทำให้ทับทิมจากหินภูเขาไฟไม่แดงเรืองแสงแบบทับทิมในหินแปร (เช่นทับทิมเมียนมาร์)

แหล่งและสีทับทิม: ระดับสีและการดูดกลืนแสงของพลอยนั้นขึ้นอยู่กับแหล่งที่ขุดพบ เพราะพลอยแต่ละแห่งมีระดับโครเมี่ยมและธาตุเหล็กแตกต่างกับไป ตัวอย่างทับทิมไทยในจังหวัดตราดก็มีลักษณะไม่เหมือนกันในแต่ละพื้นที่ เช่นทับทิมจากบ้านสระใหญ๋มีธาตุเหล็กต่ำจึงมีสีแดงสดสะท้อนแสง (คล้ายแบบเมียนมาร์) แต่ทว่าเนื้อพลอยก็แตกร่านไปทั่วทั้งเม็ดที่เราเรียกกันว่า "แดงลายไทย" ส่วยพื้นที่หนองบอนพลอยสีแดงอมม่วงและสีชมพูอมม่วงเพราะมีแร่เหล็กในสัดส่วนปานกลาง ผิวพลอยมันวาวและไม่ค่อยมีรอยแตกร้าว ที่บ้านหมื่นด่านและบ้านปะอานั้นพลอยมีสีแดงกุหลายพร้อมกับตำหนิปานกลาง และชนิดที่มีธาตุเหล็กเจืออยู่สูงมาก (Iron-Rich Ruby) นั้นมีจะมีสีแดงคล้ำจนดูคล้ายกับพลอยโกเมน มีระดับการดูดกลืนแสงสูงที่สุด เนื้อพลอยจะแกร่งมาก ทับทิมชนิดนี้เรียกกันว่า "แดงดำ" ทับทิมที่ขุดได้จากแหล่งที่เราพบแซฟไฟร์สีน้ำเงินร่วมอยู่ด้วย ทับทิมมีสีอ่อนและมีแนวโน้มเป็นสีแดงม่วงหรือแดงบานเย็นเนื่องจากมีธาตุไทแทเนี่ยมเจือปนอยู่อีกด้วย เช่นที่เขาสมิง บ้านนาวง บ้านอีแรม บ้านตกพรม รวมไปถึงทับทิมจังหวัดไพลินในประเทศกัมพูชา ถ้าเป็นบริเวณที่พบเฉพาะพลอยแดงสีพลอยจะมีตำแหน่งสีแดงที่ชัดเจน (Vivid Red) เช่นพื้นที่อำเภอบ่อไร่ต่อเนื่องไปจนถึงรอยต่อชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นสีทับทิมจัดว่าสวยที่สุด เรียกกันว่า"แดงบ่อไร่" ทับทิมจากประเทศมาดากัสการ์ ในเขตตอนกลาง (Antsirabe) เป็นทับทิมหินภูเขาไฟก็มีความคล้ายคลึงกับทับทิมไทย-เขมรมาก แทบจะแยกกันไม่ออก เพราะเป็นทับทิมกำเนิดในหินภูเขาไฟเหมือนกัน
การรู้จักลักษณะทางกายภาพของทับทิมแต่ละประเภทช่วยให้เราสามารถจำแนกพลอยด้วยตนเองในเบื้องต้น แทบไม่ต้องไปพึ่งพาการไปตรวจสอบ Origin จากห้องแล็บเลยครับ มีเวลาว่างก็นำพลอยที่สะสมเอาไว้ออกมาลองสังเกตเปรียบเทียบกันดูนะครับ
6 เมษายน 2562
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)