"พัดพารัดชา" อัญมณีแสงสนธยา
การแบ่งชนิด (Varieties) ของพลอยเนื้อแข็งคอรันดัม เราจัดแบ่งตามสีครับ เราตั้งชื่อตามตำแหน่งของสี พลอยสีหลัก เช่น แดง น้ำเงิน เหลือง เขียว เราก็เรียก ทับทิม ไพลิน บุษราคัม และเขียวส่องตามลำดับ ส่วนกลุ่มสีรองก็มี แซฟไฟร์สีชมพู สีม่วง สีส้ม และสีพัดพารัดชาเป็นต้น แซฟไฟร์สี"พัดพารัดชา" (Padparadscha) เป็นชื่อที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย และยังมีผู้เข้าใจสับสนเกี่ยวกับชื่อพลอยนี้กันมาก เพราะความหายากจึงไม่ค่อยปรากฏตัวอย่างให้เราเห็นสักเท่าไร พัดพารัดชาเป็นพลอยในกลุ่มสีรองชนิดเดียวที่มีระดับราคาเทียบสูงเทียบได้กับราคา Blue Sapphire เกรดพรีเมี่ยม พลอยพัดพารัดชาเริ่มเข้ามาสู่กระแสความสนใจของผู้คนทั่วโลกตั้งแต่ราชสำนักแห่งสหราชอณาจักรได้ประกาศข่าวการหมั้นของเจ้าฟ้าชายแอนดรูว์ ดยุกแห่งยอร์กกับซาร่าห์ ดัชเชสแห่งยอร์ก (19 มีนาคม 1986) โดยทางราชสำนักอังกฤษได้เลือกพลอยแซฟไฟร์สีพัดพารัดชามาทำแหวนหมั้น ถือว่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์แห่งราชวงศ์ครั้งนี้ได้เติมบทตำนาน (Lore) ให้กับชื่ออัญมณี "พัดพารัดชา" อันเก่าแก่ที่น้อยคนนักจะรู้จักครับ
ตัวกำหนดว่าพลอยนั้นเป็น "พัดพารัดชา" หรือไม่นั้น ตัวตัดสินก็คือตำแหน่งสี (Hue Position) สีของเขาเป็นสีก้ำกึ่งระหว่างสีส้มกับสีชมพู เป็นการผสมสีที่ลงตัว นั้นก็คือสีส้มอมชมพู อาจจะมีสีส้มนำชมพู หรือชมพูนำสีส้มก็ได้ แต่เราจะต้องรับรู้ได้ถึงสีทั้งสองอยู่ร่วมกัน ถ้าสีล้ำไปทางสีชมพูมากเกินจนเกือบไม่เห็นเงาสีส้มก็ถูกจัดให้เป็น Pink Sapphire หรือว่าสีส้มมากเกินไปจนไม่รับรู้ถึงเงาสีชมพูก็จัดเป็น Orange Sapphire ธรรมดา ดังนั้นแล้วสีพัดพารัดชาเป็นตำแหน่งสีที่มีช่วงจำกัดเพียงแคบๆ ความหายากทำให้มีราคาสูงครับ สีของพัดพารัดชานั้นเกิดจากธาตุผ่าน Cr เป็นตัวหลักผสมผสานไปด้วย Fe และ Mg ที่มีอยู่ในตัวพลอยในสัดส่วนที่พอเหมาะพอดีมีความสมดูลย์ ทำให้เราเห็นทั้งสีชมพูและสีส้มไปพร้อมกัน แต่ทว่าความบังเอิญแบบนี้มันเกิดขึ้นค่อนข่้างยากครับ เลยทำให้มันเป็น Rare Item ให้เราสังเกตุไว้ว่าสีพลอยพัดพารัดชามีความอิ่มตัวในระดับบางเบาไปจนถึงเกือบปานกลางเท่านั้นครับ เค้ามิใช่พลอยสีเข้มนะครับ น้ำหนักของสีจึงให้ความอ่อนหวานแบบสีเทียน (Pastel) อันเป็นเอกลักษณ์ของพัดพารัดชา เค้าเป็นพลอยเนื้อแข็งสีพาสเทลชนิดเดียวที่มีราคาสูงฉีกแนวไปจากกฏเกณฑ์ทั่วไปครับ
"พัดพารัดชา" เป็นชื่อบัวในวงศ์บัวสาย (Nulphar) ที่มีกลีบดอกเปรียบคล้ายกับสีท้องฟ้าในยามสนธยา แสงสุดท้ายก่อนดวงอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ยามที่ฟ้าเปล่งแสงสีแสดอมชมพูเรื่อๆ คนไทยสมัยโบราณคุ้นเคยและเรียกสีท้องฟ้ายามนี้ว่า "ท้องฟ้ายามผีตากผ้าอ้อม" อ้าว..แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผีและผ้าอ้อม ตรงนี้ผมก็ทิ้งไว้เป็นการบ้านให้ท่านไปสืบค้นกันเองแล้วกัน ในปัจจุบันถ้าเอ่ยถึงสี "Old Rose" เราก็จะร้อง "อ้อ" ในทันที ดูเหมือนว่าจะใกล้เคียงกับสีดังกล่าวมากที่สุดครับ ศรีลังกาเป็นต้นกำเนิดของอัญมณีชนิดนี้ และคำว่า "พัดพารัดชา" เป็นภาษาสิงหล ที่หมายถึงดอกบัวชนิดนี้ที่มีกลีบดอกสีคล้ายกับพลอยดังกล่าว ปัจจุบันยังพบพลอยนีัได้บ้างในประเทศแถบอาฟริกาตะวันออก เช่น มาดากัสการ์ และ แทนซาเนีย เป็นต้น ในเหมืองพลอยพบปะปนอยู่กับพลอยคอรันดัมสีอื่นๆ แต่เป็นสีพลอยที่หายากที่สุดชนิดหนึ่ง การนำพลอยแซฟไฟร์สีชมพูจากแหล่ง Ilkaka ประเทศมาดากัสการ์มาผ่านความร้อนโดยการใช้ธาตุ Be มาเป็นตัวเร่งปฏิกริยานั้น ในบางครั้งผลลัพธ์เพียงบางส่่วนที่ได้อาจจะเป็นสีส้มอมชมพู ซึ่งตรงกับตำแหน่งสีพัดพารัดชา เพราะว่าความร้อนไปดึงธาตุ Fe และ Mg ที่แฝงในตัวพลอยให้แสดงสถานะสีออกมาร่วมกับธาตุ Cr (ซึ่งเป็นสีหลัก) แต่ก็ได้ผลเป็นส่วนน้อยครับ เราไม่อาจคาดหวังได้ทุกครั้ง ทั้งนี้ทั้งนั้นผลลัพธ์มันขึ้นอยู่กับปริมาณและสัดส่วนของธาตุผ่าน (Fe กับ Mg) ที่มีอยู่ในก้อนพลอยจะต้องมีความพอดิบพอดี ที่กล่าวว่าได้ผลลัพธ์เพียงส่วนน้อย นั่นก็คือจากการสังเกตุไม่น่าถึง 10% ด้วยซ้ำไป เพราะว่าพลอยส่วนใหญ่ที่เผามักได้สีส้มแบบชัดเจนมากกว่า (Vivid Orange/Saturated Orange) ซึ่งจัดเป็นลักษณะของ Orange Sapphire แบบธรรมดาสามัญเท่านั้น มันคล้ายสีส้มแบบ Spessartite Garnet (สีส้มแฟนต้า) กล่าวคือเรามองไม่เห็นเงาของสีชมพูปรากฏอยู่ด้วยเลย การให้คำจำกัดความของสีส้มอมชมพูจึงเป็นตำแหน่งสีที่แคบมากๆ ความหายากทำให้มีราคาสูง ชื่อ "พัดพารัดชา" ถูกนำไปใช้อย่างสับสนปนเป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแวดวงการค้าอัญมณี เพราะด้วยราคาที่สูงก็เลยอาจมีการแอบอ้างเหมาเอาพลอยสีส้มและสีชมพูว่าเป็นพัดพารัดชาไป ทำให้เกิดความสับสน คำจำกัดความเรื่องสีควรให้เป็นหน้าที่ของห้องปฏิบัติการ (Lab) เป็นผู้วินิจฉัยจะดีกว่าครับ ปัจจุบันมีแลปที่สันทัดในการจัดสีอัญมณีอยู่หลายแห่ง (อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความ "สีสันอัญมณี") อย่างไรก็ตามถ้าหากเราหมั่นศึกษาด้วยตนเองและมีความเข้าใจพื้นฐานทฤษฎีสีแล้วเราก็จะไม่ไขว้เขว และมีความมั่นใจในการเสาะหาอัญมณีครับศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA) 26 มกราคม 2562