“เหลี่ยมเพชรที่สวยที่สุดในโลก”
“เพชร” เป็นอัญมณีไร้สี ความงามของเพชรอยู่ที่ความสามารถกระจายแสงให้เป็นสีรุ้ง (Dispersion) หากเพชรไม่สามารถแสดงแสงรุ้งได้ด้วยเหตุใดก็ตาม เพชรนั้นก็ไม่ต่างจากหินขาวใสที่เพียงสะท้อนแสงได้เท่านั้น
ผมยังจำได้ดีว่าตอนเข้าชมเครื่องเพชรที่มีชื่อเสียงระดับโลกตามพิพิธภัณฑ์ ไม่ว่า เพชรของราชวงศ์อังกฤษในหอคอยลอนดอน หรือแผนกเครื่องประดับของพิพิธภัณฑ์ลูฟว์ในฝรั่งเศส สิ่งที่ติดตาตรึงใจนอกเหนือจากขนาดเพชรที่ใหญ่ และประกายนั่นก็คือสีรุ้งเพชรที่ฉายออกสู่สายตามันช่างชัดเจนติดตาตรึงใจจนทุกวันนี้ เป็นแววรุ้งอย่างเดียวกันกับที่ผมเห็นในเครื่องเพชรโบราณของท่านผู้ใหญ่บางท่านดูแล้วสวยงามจับดั่งต้องมนต์สะกด มันงดงามเช่นนั้นทั้งๆที่ในอดีตเครื่องมือเจียรนัยเพชรยังไม่ทันสมัย อุปกรณ์ไม่เพียบพร้อมเท่าปัจจุบัน เท่าที่เห็นมักเป็นเพชรเหลี่ยมแบบเก่ายุโรป (Old European Cut) ที่รูปร่างและเหลี่ยมยังไม่สมมาตรเท่าที่ควร ในปัจจุบันนี้เพชรมีเหลี่ยมมากถึง 57 เหลี่ยม และยังเจียรนัยด้วยระบบคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยทำให้สามารถส่องประกายแสงได้มากกว่า แต่ทำไมผมจึงเห็นเพชรเหล่านี้เป็นแค่วัตถุขาวๆใสๆที่ส่องประกายวูบวาบยังไงก็ไม่รู้ ผมกลับไม่ค่อยพบรุ้งเพชรอย่างที่ผมเคยเห็นในเพชรรุ่นเก่าโบราณเหล่านั้น แสงรุ้งมันหายไปไหนล่ะ? ผมเคยตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นจวบจนกระทั่งได้มีโอกาสศึกษาเรื่องทฤษฏีของแสง ( การหักเหแสง มุมตกกระทบ มุมสะท้อน มุมวิกฤต ของแสง …ฯลฯ)มีโอกาสได้อ่านบทความวิชาการด้าน Gemology มีโอกาสได้เปรียบเทียบเหลี่ยมเพชรลักษณะต่างๆ ในที่สุดก็เลยหายสงสัยได้ความกระจ่างครับ
(#1 )ภาพเพชรเหลี่ยมโบราณที่เรียกว่า "Old Mine Cushion Cut "
มาตามหาแสงรุ้งที่หายไป
“แสงรุ้ง” ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Fire” ถ้าให้เป็นวิชาการหน่อยก็“Dispersion” คือความสามารถในวัตถุใดก็ตามที่กระจายแสงธรรมดาให้เป็นแสงสีรุ้ง 7 สี อย่างกับที่เราทำการทดลองกับแท่งแก้วปริซึ่มนั่นแหละครับเหลี่ยมของหน้าเพชร (Crown Facets) ทำหน้าที่กระจายแสงให้เป็นสีรุ้ง หน้าเพชรที่ยกสูงยื่นออกอย่างเพชรโบราณมันทำหน้าที่เหมือนแท่งปริซึ่ม (Prism) พูดภาษาชาวบ้านคือทำหน้าที่ผลิตรุ้งนั่นแหละครับ
“ประกาย” ภาษาอังกฤษคือ “Brilliance” ปริมาณแสงที่ตกกระทบสะท้อนกลับออกมาสู่สายตาเราอย่างกับที่เราทดลองใช้แผ่นกระจกสะท้อนแสง เหลี่ยมที่ก้นเพชร (Pavillion Facets )ทำหน้าที่เสมือนบานกระจกสะท้อนแสงที่เข้าไปในเพชรให้กลับออกมาสู่สายตาเรา ดังนั้นคำว่า “Modern Brilliant Cut” อันเป็นเหลี่ยมเจียรนัยเพชรทรงกลมในปัจจุบันจึงเป็นแนวคิดการเจียรนัยเพื่อเน้นประกาย
(#2)ภาพเหลี่ยมเพชรในปัจจุบันมีเรียกว่า ”Modern Brilliant Cut”
เหลี่ยมหน้าเพชรและเหลื่ยมก้นเพชรต่างก็ทำหน้าที่แตกต่างกัน เพชรสมัยใหม่ (Modern Cut )ในปัจจุบันนี้กำหนดมุมองศามาตรฐานสำหรับมุมก้นเพชร (ที่ประชิดขอบเพชร) ไว้ที่ 41.2oเพื่อให้แสงที่เข้าไปในเพชรสะท้อนกลับออกมาจนหมด (ตามหลักการ“Total Internal Reflection”หรือย่อๆว่า”TIR”) ส่วนมุมหน้าเพชร (ที่ประชิดขอบเพชร) ตั้งไว้ที่ 33o เท่านั้นซึ่งต่ำกว่าสมัยก่อน(ดูภาพ#2) นี่เป็นสูตรมาตรฐานที่ยึดถือในการเจียรนัยเพชรปัจจุบัน ที่เน้นให้เพชรส่องประกายให้ออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แนวคิดที่ว่าเหลี่ยมยิ่งมากประกายยิ่งดี เหลี่ยมยิ่งละเอียดเท่าไรความระยิบระยับยิ่งมาก บางทีใส่เหลี่ยมมากไปเสียจนเกิดสภาวะ ”ปรากฏการณ์น้ำแข็งบด” (Crushed Ice Effect ) คือมีแต่เหลี่ยมขนาดเล็กถี่ๆ (คล้ายเสี้ยนไม้หรือเกล็ดปลากระดี่) ที่สะท้อนแสงอย่างกับน้ำแข็งไส หรือน้ำแข็งทุบละเอียด(ดูภาพ#3เปรียบเทียบระหว่างเพชรเหลี่ยมใหญ่ปรกติกับเพชรเหลี่ยมเล็กละเอียดแบบน้ำแข็งบด) อุตสาหกรรมเพชรในปัจจุบันทำตามแนวคิดของการตลาดมากกว่าทำงานเพื่อดึงเอาศักยภาพแห่งความงามที่แท้จริงของเพชรออกมา อย่างเช่นการผลิตเหลี่ยมลูกศรกับหัวใจ ( Heart&Arrow ) ออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์ที่ใส่จำนวนเหลี่ยมเล็กและถี่เข้าไปมากๆนั้น สามารถขายได้ราคาสูงกว่าเหลี่ยมธรรมดา (Common Round Brilliant)แนวคิดนี้ก็คล้ายกับทำการตลาดเรื่องสีเพชรยิ่งขาวยิ่งดี ทำให้ราคาเพชรน้ำ 100% และ 99% ราคาพุ่งสูงกว่าเพชรน้ำ95-97% แบบก้าวกระโดดจนประหลาดใจ ทั้งๆที่เวลาอยู่บนตัวเรือนเครื่องประดับเราดูแทบไม่ออกเลยว่ามันแตกต่างกันอย่างไร นอกจากนี้การออกแบบให้หน้าเพชรแบนราบก็เป็นจุดขายอย่างหนึ่งเพราะมันทำให้เพชรดูเสมือนใหญ่ขึ้นคล้ายมีปริมาตร (Volume)มากขึ้นการกำหนดมาตรฐานมุมที่หน้าเพชรจึงให้อยู่แค่33o ซึ่งทำให้หน้าเพชรดูแบนราบ หน้าเพชรยิ่งต่ำแสงรุ้งเพชรก็ยิ่งน้อย และในทางตรงกันข้ามปรากฏการณ์น้ำแข็งบดก็ยิ่งชัดเจนขึ้น ตามความเป็นจริงในทฤษฏีนั้นมุมองศาของหน้าเพชรและก้นเพชรนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมครับ ถ้าปรับมุมองศาที่ก้นเพชรก็ต้องไปปรับมุมของหน้าเพชรด้วยให้สอดคล้องสัมพันธ์กัน ให้เป็นปฏิภาคที่เสริมต่อกันเน้นว่าการปรับเป็นสิ่งที่ทำได้ครับ แต่น่าเสียดายที่ผู้คนถูกโฆษณาชวนเชื่อว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้นั้นเป็นสูตรที่ดีที่สุด จริงครับมันดีที่สุดเพื่อประกาย เพื่อการสะท้อนแสงที่ดี แต่ไม่ใช่สำหรับแสงรุ้งหรอกครับเราต้องการความงามสีรุ้งเราไม่ต้องการกระจกสะท้อนแสง ช่างน่าเสียดายในปัจจุบันเราพบแต่เพชรหน้ากว้างแบนที่ส่องประกายคล้ายน้ำแข็งบด
(#3 )ภาพเปรียบเทียบระหว่างเพชรลักษณะ Crushed Ice กับ เพชรปรกติ
ความนิยมเพชรขาว หน้ากว้าง มีเหลี่ยมละเอียด ดังกล่าวกลายเป็น Mind Set ในผู้บริโภคไปแล้ว จนยากที่จะเปลี่ยนแปลงทำให้เราลืม”แสงรุ้งเพชร” (Fire )อันเป็นความงามที่แท้จริงของเพชร(Intrinsic Value)ไปเลย
“เพชรโบราณ Old Mine Cushion Cut”
ลองมาดูว่าลักษณะการเจียรนัยของเพชรโบราณที่ให้แสงรุ้งสวยงามว่ามีลักษณะหน้าตาอย่างไร (ดูภาพ# 4)
( #4) ภาพเพชรเจียรนัยแบบ ”Old Mine Cushion” ที่มีก้นตัด (มุมมองหน้าเพชรและด้านข้าง)
“Old Mine Cushion Cut”: เป็นเพชรเหลี่ยมโบราณ รูปทรงสีเหลี่ยมลดมุม Cushion ซึ่งใกล้เคียงสอดคล้องกับสัณฐานผลึกเพชรที่มีอยู่ตามธรรมชาติ (ผลึกรูปทรงปิรามิดประกบกันหรือ Octahedron) เพียงแต่นำมาเจียรนัยเอามุมแหลมทั้งสี่ออกไป เหลี่ยมหน้าเพชรมีขนาดใหญ่กว่าปัจจุบันเพราะหน้าเพชรที่ยกสูงทำให้หน้าเพชรนูนยื่นออกมามากมีผลให้เหลี่ยมเพชรขยายใหญ่ มุมองศาที่ยกสูงอาจจะชันถึง 35oทีเดียว เจ้าเหลี่ยมหน้าเพชรที่ยกชูสูงนี้แหละมันมีลักษณะของปริซึ่ม (Prismatic Appearance )เป็นตัวการผลิตแสงสีรุ้งชั้นดี มันจะทำหน้าที่เป็นแท่งปริซึ่มกระจายแสงออกมาเป็น 7 สีได้อย่างยอดเยี่ยม ลักษณะหน้าเพชรที่ชูสูงยื่นออกมาเป็นสิ่งที่ไม่มีในเพชรปัจจุบัน ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากไม่ทราบและยังไม่เข้าใจ การยกตัวของหน้าเพชรสูงขึ้นมาทำให้เหลี่ยมเพชรต้องยืดตัวขยายใหญ่ขึ้น แต่ทว่ามันทำให้ยอด (Table) แคบลง นั่นทำให้ดูเหมือนว่าเพชรมันเล็กลง (เป็นสิ่งที่ทางการค้าปัจจุบันไม่ต้องการ) ก้นเพชรมีลักษณะยาวลึกและตัดส่วนปลายแหลมออกไป ก้นที่ลึกเกินและตัดส่วนปลายแหลมออกจึงทำให้แสงเล็ดลอดออกไปบางส่วน เพชรโบราณที่มีชื่อเสียงระดับโลกล้วนได้รับการเจียรนัยให้หน้าเพชรสูงทั้งสิ้น แม้ปัจจุบันเพชรขนาดใหญ่ระดับตำนานก็ยังคงยึดถือหลักการของ“Old Mine Cushion Cut”มาใช้เป็นต้นแบบการเจียรนัย และเจ้าต้นแบบอันนี้นี่เองที่ช่างเจียรนัยที่มีความรู้และมีฝีมือระดับโลกเขานำไปใช้พัฒนาต่อยอดจนได้เหลี่ยมเจียรนัยทางเลือกใหม่ ที่โดดเด่นและสวยที่สุดในโลกที่เรากำลังจะกล่าวถึงต่อไป
“Antique Cushion” เหลี่ยมเพชรไฟรุ้งสวยที่สุดในโลก
เพชรเหลี่ยมโบราณให้การเล่นแสงรุ้งยอดเยี่ยม แต่ประกายแสงสะท้อนออกจากเพชรยังออกมาไม่เต็มที่เนื่องจากก้นยาวลึกเกินไป (ซึ่งอาจมาจากความพยายามรักษารูปทรงผลึกเอาไว้ และหรือรักษาน้ำหนักเพชรก็ได้) ปัจจุบันนี้มีช่างเจียรนัยจากนิวยอร์ก กลุ่มหนึ่งนำลักษณะเด่นของเพชรโบราณ “Old Mine Cushion Cut” มาใช้เป็นต้นแบบ นำปรับปรุงใหม่ดัดแปลงเสียใหม่ โดยการคงลักษณะเด่นของเพชรโบราณเอาไว้ แล้วแก้ไขส่วนที่ไม่สมบูรณ์พร้อมเพิ่มเติมส่วนพร่องเข้าไป เช่นว่ามีการคงลักษณะหน้าเพชรยกสูงและลักษณะเหลี่ยมใหญ่ที่หน้าเพชรเอาไว้เพื่อให้ผลิตแสงรุ้ง ในขณะเดียวกันก็ปรับก้นเพชรให้แหลมและยกให้ตื้นขึ้นกว่าเดิมเพื่ออุ้มแสงให้สะท้อนกลับออกมามากขึ้น ปรับเหลี่ยมให้สมมาตรขึ้นแล้วตั้งชื่อการเจียรนัยแนวใหม่ที่คิดค้นใหม่นี้ว่า “Antique Cushion cut” เพื่อให้เราทราบถึงความเป็นมาว่าพัฒนาการเจียรนัยอย่างนี้ ได้รับแรงบันดาลใจเพชรโบราณนั่นเอง
(#5)ภาพแสดงพัฒนาการจาก”Old Mine Cushion Cut”“Modern Brilliant” และ“Antique Cushion cut”
เมื่อเอ่ยถึง “Antique Cushion”ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นการเจียรนัยเพชรยึด “Old Mine Cushion Cut” มาเป็นต้นแบบนั่นเอง ต้นแบบนี้ถูกพัฒนาต่อยอดจนได้ทรงที่สมบูรณ์แบบอุดมคติ ได้เพชรที่สามารถดึงแสงรุ้งออกมาได้มากที่สุดพร้อมๆกับส่องประกายได้มากกว่าเดิม นับเป็นการเจียรนัยผสมผสานแบบเก่าและใหม่เข้าด้วยกัน อันเป็นทางเลือกล่าสุดในวงการเจียรนัยเพชร การตั้งชื่อว่า “Antique Cushion Cut” นั้นคนไทยยังไม่ค่อยคุ้นกับชื่อสักเท่าไหร่ อาจจะงงและเข้าใจไปว่าเป็นเพชรเก่าแก่ อันที่จริงเหลี่ยมและรูปทรงไม่มีความโบราณอยู่เลยครับ มันแค่ตั้งชื่อเรียกรูปแบบการเจียรนัยเพชรเท่านั้น “Antique Cushion Cut” ปัจจุบันทำกันที่ New York เท่านั้นการเจียรนัยทำด้วยมือล้วนๆไม่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ พึงสังเกตว่าเพชรขนาดใหญ่มีชื่อเสียงในปัจจุบันล้วนเจียรนัยที่นิวยอร์คและทำด้วยฝีมือกันทั้งสิ้น ก่อนเจียรนัยเขาจะประเมินก้อนผลึกเพชรด้วยทักษะแห่งสายตาของผู้ชำนาญ เพื่อคำนวณปรับมุมองศาให้ได้แสงรุ้งออกมาได้ดีที่สุด โดยไม่มุ่งเน้นการสะท้อนแสงออกจากเพชรทั้งหมด (Total Light Return )อย่างแนวคิดเดิมๆคือยอมปล่อยให้แสงเล็ดลอดออกไปบ้างบางส่วนเพื่อให้ได้ไฟรุ้งเข้ามาแทน หลักการเจียรนัยมุ่งเน้นให้เพชรกระจายแสงอย่างปริซึ่ม (Prism ) เพื่อให้ได้แสง 7 สีออกมา จึงไม่ใช้การเจียรนัยเป็นทรงกรวยกลมแบบทื่อๆทึ่มๆ(ที่ทั้งเจียรนัยและออกแบบด้วยคอมพิวเตอร์)ที่มุ่งเน้นเอาแต่สะท้อนแสงให้ออกจากเพชรทั้งหมดซึ่งเป็นจุดขายในปัจจุบัน คือเป็นเพชรที่ทำเพื่อการค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งนั่นทำให้เพชรเป็นแค่แผ่นกระจกสะท้อนแสงเท่านั้น ส่วนแนวทางการเจียรนัยทางเลือกใหม่นี้เน้นดึงแสงรุ้ง (Fire)ออกจากเพชร จึงกล่าวได้ว่ามันเป็น “เพชรรุ้ง” ( Fire Diamond) ไมใช่”เพชรประกาย “ (Brilliant Diamond ) อย่างเพชรตลาดแบบเดิมๆอีกต่อไป
(#6) ภาพเพชร Antique Cushion ในมุมมอง 360o
ลักษณะเด่นของ “Antique Cushion”
การเจียรนัยรูปแบบใหม่นี้ มันแตกต่างจากเพชรกลมที่คำนวณสัดส่วนจากคอมพิวเตอร์ ที่ได้เพียงเพชรเป็นรูปทรงกรวยกลมหน้าแบนๆที่เราคุ้นเคย (Round Brilliant)ด้วยแนวคิดที่ว่า “สุนทรียภาพ” ต้องถูกสร้างสรรค์ด้วยฝีมือมนุษย์เท่านั้น ไม่ใช่งานของเครื่องจักร การเจียรนัยจึงทำด้วยมือล้วน จุดเด่นของ“Antique Cushion”มีดังนี้
1.รูปทรงของเพชรที่คำนวณแล้วว่าสมดุลย์และเอื้อให้เกิดแสงรุ้งโดยเน้นรักษาสัณฐานทรงปริซึ่มปิรามิด (Diamond Octahedron Habit)
(#7)ผลึกเพชรธรรมชาติ
(#8 )การแบ่งเพชรตามรูปผลึก
2.หน้าเพชรยกสูงและเจียรนัยเหลี่ยมใหญ่บนหน้าเพชรให้ทำหน้าที่เหมือนกับแท่งปริซึ่มกระจายแสงข่วยให้แสงรุ้งเพชรแสดงตัวโดดเด่นออกมาขณะเดียวกันก็มีประกายส่องจากก้นเพชร เป็นความสมดุลของแสงรุ้งและประกายผสานกันอย่างพอดี ซึ่งความสมดุลย์ที่เป็นความงามตรงนี้ต้องวินิจฉัยประเมินผ่านสายตามนุษย์เท่านั้น มิใช่ถูกกำหนดโดยชุดตัวเลขที่สมองกลคำนวณมาให้เรา
3. ประกายเหลี่ยมคมชัด (Contrast ) เหลี่ยมชัดเจนและคมเฉียบแบบ “Knife-Sharp Contrast” โดยเราจะเห็นเหลี่ยมลักษณะใหญ่สว่างกับเหลี่ยมมืดวางสลับกันไปมา คล้ายลายกระดานหมากรุก ( Checkerboard ) ทำให้เพชรดูลึกล้ำมีมิติ พร้อมกับแปล่งแสงสีรุ้งออกมาให้เราชม มันมีเสน่ย์น่าหลงใหลมากกว่าเพชรเหลี่ยมละเอียดอย่างน้ำแข็งบด
(#9 )ภาพมุมมองตรงจากด้านหน้า)
4.ก้นเพชรไม่ยืดยาว (ตัวเรือนไม่ต้องทำกะเปาะใหญ่มารองรับ) ขอบเพชรหนา (ไม่บิ่นง่าย) หน้าเพชรนูนยื่นออกมา เมื่อฝังบนตัวเรือนเครื่องประดับเพชรจะชูเด่น เราจะมองเห็นเพชรเป็นก้อนนูนมีเนื้อหนังมังสา ซึ่งมองเห็นรอบด้านไม่ว่าจะหมุนไปทางใดในขณะที่ที่เพชรหน้าหน้าแบน มันเห็นชัดเฉพาะเวลาเรามองตรงๆจากทางด้านหน้า
(#10)ภาพเปรียบเทียบมุมมองด้านข้างของ Antique Cushion กับ Round Brilliant
Antique Cushion มีหน้าเพชรที่นูนขึ้นมา แต่ Round Brilliant มีหน้าเพชรค่อนข้างแบนราบ นั่นคือเหตุผลที่ Antique Cushion สามารถให้แสงรุ้งได้ดีกว่าเพชร Round Brilliant
ระวังความสับสนจากชื่อที่คล้ายคลึง
อนึ่งระวังสับสนกับชื่ออีกสองชื่อนะครับ ได้แก่ Cushion Brilliantและ Modified Cushion brilliantนะ มันคนละเรื่องเลย ทั้งสองคือเหลี่ยมเพชรแบบปัจจุบัน ให้สังเกตุที่มีคำว่า Brilliant กำกัยอยู่
“Cushion Brilliant“คือ Brilliant Cutธรรมดาที่รูปร่างภายนอกเป็น Cushion
“Modified Cushion Brilliant“ คือ” Cushion Brilliant” ที่ดัดแปลงเหลี่ยมที่ก้นเพชรให้มีจำนวนมากขึ้น
(#11)ภาพเปรียบเทียบ Cushion Brilliant กับ Modified Cushion Brilliant
ดูจากภาพเราจะเห็นได้ว่า“Cushion Brilliant“ นั้นเหลี่ยมเหมือนเพชรกลมในปัจจุบัน( Modern Brilliant ) ที่เน้นให้แสงสะท้อนออกมาหมด เพียงแต่ทำรูปร่างให้เป็นคูชั่นเท่านั้น หน้าเพชรก็แบนอย่างเพชรปัจจุบันจึงไม่ค่อยมีรุ้งเพชร ส่วน”Modified Cushion Brilliant” มีเหลี่ยมถี่ๆเหมือนเสี้ยนไม้ ละเอียดคล้ายเกล็ดปลากระดี่ เนื่องจากได้เพิ่มเหลี่ยมจำนวนมากเกินไปจนเกิดสภาพน้ำแข็งบด” Crushed Ice Effect”ทำให้เพชรดูทื่อๆไม่สวยเลย และถ้าเพชรนั้นมีการเรืองแสงร่วมด้วยแล้ว มันจะไม่มีทั้งรุ้งทั้งประกายเลย อย่างที่คนไทยเรียกว่า “เพชรบอด” นั่นแหละครับ ถ้าหน้าเพชรแบนCrushed Ice Effect ย่อมเกิดขึ้นแน่นอนเมื่อเราไปเพิ่มจำนวนเหลี่ยมที่ก้นเพชร
(#12) ชื่อ Cushion Brilliant และ Modified Cushion Brilliant ที่สร้างความสับสน
ไม่ว่า “Cushion Brilliant“หรือ ”Modified Cushion Brilliant” เราจะเรียกรวมๆไปว่า “Modern Cushion “ซึ่งทั้งสองยังคงมีลักษณะเพชรที่เน้นประกายในปัจจุบัน ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแสงรุ้งเพชร ชื่อเหลี่ยมเพชรทั้งสองมักทำให้เราสับสนจาก Antiuque Cushion ที่แท้จริง
แสงรุ้งเพชรกับแนวโน้มในอนาคต
ปัจจุบัน เพชร“Antique Cushion”ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและยังไม่แพร่หลาย การเจียรนัยทำที่นิวยอร์คเพียงแห่งเดียวเท่านั้น และเนื่องจากเจียรนัยทำด้วยมือ ที่จะต้องมีความชำนาญการฝึกฝนมากเป็นพิเศษ จึงมีช่างจำนวนไม่มากที่สามารถเจียรนัยเหลี่ยมแบบ“Antique Cushion”ได้ ปริมาณออกสู่ตลาดอัญมณีไม่ค่อยมากเลย ในการเจียรนัยแต่งเหลี่ยม“Antique Cushion”ต้องเฉือนเนื้อเพชรออกไปจำนวนมากกว่าการเจียรนัยแบบปรกติและยังต้องใช้ผลึกเพชรที่สมบูรณ์คัดเกรดมาเป็นพิเศษ ทำให้ต้นทุนเพชรสูง รวมค่าฝีมือแรงงานในระดับสูงอีกเข้าไปอีก ราคาเฉลี่ยจึงสูงกว่าเพชรทั่วไป (Modern Brilliant)ที่ผลิตจากระบบอุตสาหกรรมราว5-10 เท่าเลยที่เดียว
อย่างไรก็ตามธุรกิจอัญมณีมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาไม่ได้หยุดนิ่ง ไม่แน่ว่าอนาคตอาจจะมีผู้บุกเบิกรายใหม่พัฒนาหรือปรับการผลิตให้สามารถทำเพชรคุณภาพในระดับเดียวกับAntique Cushion ออกสู่ท้องตลาดในราคาที่จับต้องได้ ผู้บริโภคอย่างเราๆก็คงได้แต่เฝ้ารอให้ถึงวันนั้นครับ
แม้ไม่ได้ครอบครองเพชรเลอค่าแค่ได้ดูรูปภาพก็เข้าถึงความงามได้รับรู้ถึงพัฒนาการความเป็นมาของเหลี่ยมเพชรที่สวยที่สุดในโลก บทสรุปให้เราตระหนักว่าสุนทรียภาพต้องมาจากการสร้างสรรค์โดยมนุษย์ เครื่องจักรกลทำหน้าที่ตรงนี้แทนมนุษย์ไม่ได้ การรับฟังเรื่องราวประกอบกับจินตนาการ(ส่วนบุคคล)สำหรับผมเพียงเท่านี้ก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งแล้วครับ
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)
11 สิงหาคม 2561
บรรณานุกรม
1.Light and Optic,Gemology , GEM-A,2008
2.Crown and Pavillion, Vincent Chan, 2013
3.Total Internal Reflection, wolfran Demonstration Project,2011
4.The Glossary of Gemology (Document) GIT, 2015
คลีนิกอัญมณี
"คลีนิกอัญมณี" เป็นคอลั่มน์รวมบทความต่างๆทางอัญมณีศาตร์ ทั้งที่เกี่ยวกับแวดวงการค้าอัญมณี และในเชิงวิชาการของการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทต่างๆในห้องแลบ ยังรวมไปถึงเรื่องราวอัญมณีที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งอาจมาจากคำถามที่พบบ่อยเป็นต้น บทความที่ผมเขียนขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ในที่นี้ ท่านสามารถติดตามบทความใหม่ของเราที่จะนำเสนอเป็นระยะๆ รวมถึ่งการอ่านเรื่องย้อนหลังได่อีกด้วย
วัฒน์
(หมอพลอย)
หน้าที่เข้าชม | 368,250 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 271,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.พ. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ส.ค. 2568 |
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์: 081-8102763
LINE ID: siriwat28
siriwat.jiamanusorn@gmail
Fanpage: @jwlab.gem