สีพลอยเนื้อแข็ง (Color of the Precious Gems)
ตอน “เหลืองบุษราคัม (Yellow of the sapphires)
กลุ่มพลอยเนื้อแข็ง เป็นอัญมณีมีค่าที่ถูกแยกออกจากกลุ่มเพชร (ซึ่งก็เป็นอัญมณีมีค่าเช่นกัน)เพื่อความสะดวกในการศึกษาทางอัญมณีศาสตร์ สองกลุ่มหลักนี้ในภาษาไทยเรียกย่อๆเป็น “เพชร”กับ “พลอย” ครั้งนี้ผมขอพูดเจาะลึกเฉพาะลงไปเรื่องสีของ”พลอยมีค่า” (Precious gemstone) หรือที่ในทางการค้าบ้านเราเรียกกันว่า”พลอยเนื้อแข็ง”
พลอยมีค่าจะมีสีหลักด้วยกันอยู่สี่สี คือ สีแดง(ทับทิม) สีน้ำเงิน (ไพลิน) สีเหลือง (บุษราคัม) และสีเชียว (มรกต/Beryle) ในแต่ละสีหลักนั้นยังแบ่งแยกย่อยออกไปอีกตามลักษณะความเข้มข้นของสี และโทนสี ซึ่งจะมีชื่อเรียกโดยเฉพาะเจาะจง เช่นสีน้ำเงินก็จะมีสีรอยัล สีคอร์นเฟลาเวอร์ สีพีค็อก สีอินดิโก้ ตามที่ผมเคยได้ยกตัวอย่างไปบ้างแล้วในบทความครั้งก่อน ก็นับเป็นภูมิปํญญาอย่างหนื่งที่แต่ละท้องถิ่นมักมีบัญญัติศัพท์เฉพาะถิ่นในการแทนหรือเรียกสีต่างๆ โดยเปรียบกับสีธรรมชาติรอบๆตัว ทำให้เมื่อกล่าวถึงสีนั้นๆ เราจะนึกภาพออกในทันที ในสีเหลืองก็มี ตัวอย่างเช่นสีเหลืองเปลือกมะนาว(Lemon) สีดอกคูน สีกล้วยหอมเป็นต้น ชื่อสีเฉพาะเหล่านี้เราควรศึกษาเรียนรู้เอาไว้เป็นแนวทาง หากว่าเราอยู่ในแวดวงการค้าอัญมณี เรายังต้องศึกษาเพิ่มเติมไปอีกว่าในแต่ละท้องถิ่น แต่ละประเทศ แต่ละชาติพันธ์จะมีความชอบของสีที่แตกต่างกันไปอย่างไรบ้าง ชาติตะวันตกอย่างชาวอเมริกันมักชอบพลอยสีเข้มขรึม เช่นน้ำเงินเข้ม แดงเข้ม ชาวยุโรปชอบสีปานกลาง ชาวตะวันออกไกลอย่างญี่ปุ่นชอบสีอ่อนหวานเป็นต้น
ครั้งนี้เรามาเริ่มต้นกันที่สีเหลืองกันก่อนนะครับ สีเหลืองที่เราคุ้นเคยกันมากๆของพลอยบุษราคัม หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “Yellow Sapphire”นั่นเอง
เรามาไล่เรียงลำดับสีกันนะครับ เอาพอเป็นแนวทางเพียงคร่าวๆให้เข้าใจว่าในสีเหลืองของ Yellow Sapphire นั้นมีกี่ระดับ เริ่มจากสีอ่อนสุดชองเหลืองไปถึงระดับสีที่เข้มสุด มีดังต่อไปนี้ :
สีเปลือกมะนาว : สีเหลืองอย่างเปลือกมะนาวฝรั่ง ที่เราเรียกว่าสีเลมอน เป็นเหลืองสดใส สี เข้มกว่าสีพาสเทล เป็นสีแรกในพลอยไทย
สีดอกคูน : สีเหลืองที่มีความอิ่มตัวพอปานกลาง
สีกล้วยหอม : สีที่เหลืองที่อิ่มตัวมาก ตำแหน่งสีจัดอยู่ตรงกลางของสีเหลือง หรือที่เราเรียกสี “คานารี่”
สีเหลืองทอง : สีเหลืองอิ่มตัวสูงสูด และเริ่มมีความมันวาวของผิวที่สะท้อนแสงแบบกึ่งโลหะปรากฏ
สีทอง : สีเหลืองเจิดจ้าสะดุดตาด้วยความมันวาวผิวที่ระดับสูง ส่องประกายแบบกึ่งโลหะ (Sub-adamantine Luster)
สำหรับสีเหลืองมาตรฐานของ Yellow Sapphire อยู่ในช่วงสีที่แสดงตามชาร์ตข้างต้น แต่พลอยของไทยเราเรียกพลอยบุษราคัม และก็ไม่มีคำว่า “Yellow” กำกับอยู่ สีจึงยังไม่จบตรงนี้ ทำให้มีสีที่ต่อยืดยาวออกไปอีกหนึ่งช่วง เรียกกันว่ากลุ่ม”สีแม่โขง”ครับ ดังนั้นแล้วเราก็มาศึกษากันต่อไปอีกว่ามีลักษณะอย่างไร ดูตามชาร์ตด้านล่างนี้
แม่โขงทอง : สีแม่โขงที่อ่อนที่สุด คือสีน้ำตาลที่ปนเหลืองค่อนข้างมากสักหน่อยทำให้ดูสว่างและมีประกาย
แม่โขง : สีน้ำตาลปานกลางที่คล้ายสุราแม่โขงของไทยเป็นสีมาตรฐานของกลุ่มสีแม่โขง
แม่โขงเข้ม : สีน้ำตาลเข้ม ออกไปทางสีเหล้าบรั่นดีเข้มๆ ดูลึกล้ำ
แม่โขงเจือส้ม : สีน้ำตาลเจือส้มจางๆ มักมีประกายเด่น
แม่โขงส้ม : สีน้ำตาลส้ม มีสีส้มชัดเจนมากขึ้นแต่ไม่ถึงระดับจัดให้เป็นออร์เรนจ์แซฟไฟร์เนื่องจากยังมีสีน้ำตาลปะปนอยู่
สังเกตได้ว่าพอหลุดออกจากเขตสีเหลืองออกไปก็เริ่มมีสีน้ำตาลปรากฏ เนื่องจากเป็นช่วงสีที่เริ่มมีการดูดกลืนแสง ( Light Absorption) ของพลอย จึงไม่ค่อยได้รับความสนใจจากชาวต่างชาตินัก อนึ่งสีน้ำตาลในสีเฉดร้อนเป็นข้อบ่งบอกระดับความอิ่มตัวของสีที่ลดลงไป อย่างเช่น แดงอมน้ำตาล เหลืองอมน้ำตาลเป็นต้น กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าถ้ามีสีน้ำตาลมาปน มันก็คือความสดที่ลดถอยห่างไปจากแม่สีหลัก (ซึ่งคือสีเหลือง) อย่างไรก็ตามพลอยกลุ่มสีเหลืองอมน้ำตาลนี้กลับเป็นความนิยมเฉพาะท้องถิ่นสำหรับประเทศไทย เรียกกันว่า”สีแม่โขง “ (ชื่อของสุราไทย) หรือสี “น้ำแม่โขง” ซื่งเป็นสีที่เราคุ้นเคยกันมาก
ความชี่นชอบนั้นเป็นเรื่องของรสนิยมครับ อาจเป็นรสนิยมเฉพาะบุคคล หรือสังคมกลุ่มใหญ่ที่ชอบคล้ายๆกัน หากว่าเราคำนึงทางการค้าที่เน้นขายให้ชาวต่างชาติ พูดตามสมัยว่า “โกอินเตอร์” เราก็ต้องเสาะหาเฉพาะสีพลอยตามความนิยมที่เป็นสากล ให้ได้สีตรงกับแม่สีนั้น กล่าวคือพลอยบุษราคัมต้องมีสีเหลือง นั่นคือให้จำกัดในช่วงสีเหลืองอ่อนถึงสีทองเป็นเกณฑ์นั่นเอง
มีแฟนคลับของผมสอบถามมาว่าชอบพลอยบุษราคัมมาก เขาจะเลือกสีไหนดีครับ ผมก็เลยตั้งคำถามย้อนกลับไปว่าต้องการหาพลอยไปเพื่อจุดประสงค์อะไร ถ้าคำตอบที่ได้คือต้องการนำไปทำเครื่องประดับส่วนตัว ผมก็จะตอบว่าให้เลือกสีอะไรก็ได้ที่เราชอบที่สุด เพราะว่านั่นคือรสนิยมของเรา นั่นคือบุคลิกตัวตนของเรา เราไม่ต้องไปเลียนแบบใคร แต่ถ้าคำตอบที่ได้คือต้องการเก็บเอาไว้เป็นการลงทุนในระยะยาวแล้วละก็ ผมให้ยึดเอาสีที่เป็นสากลนิยม นั่นคือให้ยึดสีเหลืองเข้าไว้เป็นหลัก อย่าให้หลุดห่างจากสีพื้นฐานที่กำหนด (เหลืองอ่อน-สีทอง) และขนาดพลอยเน้นให้เป็นขนาดกลางขึ้นไป (3-4กะรัตขึ้นไป) ถ้าหาขนาดใหญ่ได้ก็ยิ่งดีครับ ถึงแม้ว่าเรื่องของสีเป็นมิติด่านแรกที่เราเข้าไปประเมินค่าของพลอย แต่อย่าลืมว่า นอกเหนือจากนี้ก็ยังมีมิติของ ความสะอาด รูปร่าง การเจียรนัย ความวาวหรือประกาย ฯลฯ ที่เราต้องศึกษาให้เข้าใจ ซึ่งผมได้พูดไปแล้วในบทความครั้งก่อนๆ
การคลุกคลีอยู่กับอัญมณีนานๆ ค่อยดู ค่อยสังเกตไป จะทำให้เราสั่งสมประสบการณ์จากการสัมผัสจริง เห็นของจริง ซึ่งนั้นก็คือภาคปฎิบัติหรือภาคสนามที่มีความสำคัญและจำเป็นมากกว่าทฤษฏีเสียอีก หวังว่าบทความนี้คงพอเป็นแนวทางในการเลือกสีอัญมณีนะครับ ขอให้ท่านผู้อ่านมีความสุขเพลิดเพลินกับโลกแห่งสีสันอัญมณีครับ
1 กันยายน 2560
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)
คลีนิกอัญมณี
"คลีนิกอัญมณี" เป็นคอลั่มน์รวมบทความต่างๆทางอัญมณีศาตร์ ทั้งที่เกี่ยวกับแวดวงการค้าอัญมณี และในเชิงวิชาการของการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทต่างๆในห้องแลบ ยังรวมไปถึงเรื่องราวอัญมณีที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งอาจมาจากคำถามที่พบบ่อยเป็นต้น บทความที่ผมเขียนขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ในที่นี้ ท่านสามารถติดตามบทความใหม่ของเราที่จะนำเสนอเป็นระยะๆ รวมถึ่งการอ่านเรื่องย้อนหลังได่อีกด้วย
วัฒน์
(หมอพลอย)
หน้าที่เข้าชม | 368,250 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 271,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.พ. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ส.ค. 2568 |
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์: 081-8102763
LINE ID: siriwat28
siriwat.jiamanusorn@gmail
Fanpage: @jwlab.gem