“สีสัน” และ “อัญมณี”
ครั้งนี้มาคุยเรื่องสีของพลอย บทความนี้มอบให้แฟนพันธุ์แท้โดยเฉพาะนะครับ หมายถึงแฟนพันธุ์แท้ที่หลงรักอัญมณีเป็นชีวิตจิตใจ เพราะผมจะพูดถึง พื้นฐานสำคัญที่เกี่ยวกับสีในพลอยที่ท่าน ”อยากรู้” และ “ต้องรู้” ครับ หากท่านยังรักที่จะสะสมอัญมณีประเภทพลอยสีต่างๆอย่าพลาดเลยครับ งานนี้ขอพูดเรื่องของสีพลอยล้วนๆ เพชรไม่เกี่ยวนะครับ เพราะเพชรเป็นอัญมณีที่ไร้สี (Colorless) ฉะนั้นเพชรจงหลีกไป( อิอิ…) ถึงแม้หัวข้อนี้อาจดูเป็นวิชาการไปสักหน่อยแต่ท่านต้องศึกษาไว้บ้างนะครับ เพราะความแตกต่างของสีเพียงนิดเดียวก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างไม่น่าเชื่อ ความเข้าใจในนิยามศัพท์ช่วยให้เราอ่านเอกสารใบเซอร์ (Certificate) ได้อย่างเข้าใจ ยอมใช้เวลาอ่านบทความสักหน่อย แม้จะจำเนื้อหาไม่ได้แต่อย่างน้อยขอให้เข้าใจในหลักการก็ยังดีนะครับ เวลาเราเสียเงินซื้อของ เราจะได้รู้ว่าจ่ายเงินแล้วเราจะได้อะไรกลับมา ผมจะพยายามอธิบายอย่างรวบรัดนะครับ
เรื่องของสีที่เราจะพิจารณานั้นมีอยู่สามประเด็น ดังนั้น สำหรับนิยามพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสีที่ผมจะนำเสนอก็มีแค่ 3 คำเท่านั้น เห็นไหมว่ามีนิดเดียว เรามาเริ่มเลยนะครับคำแรก:
1.Hue (ตำแหน่งสี)
สีมีทั้งหมด 6 สีดังนี้:
สีมีสองระดับได้แก่ สีหลักคือแม่สีทั้งสาม (แดง-น้ำเงิน -เหลือง) ส่วนสีรองคือสีที่เอาแม่สีทั้งสามมาผสมกันออกมาอีกสามสี (ม่วง-ส้ม-เขียว) ทั้งหมดรวมเป็น 6 สี
1.1 การระบุสี: เราระบุสีพลอยตามที่เราเห็นจากหน้าพลอย เช่นพลอยสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว แต่ในความเป็นจริงมันมีรายละเอียดมากกว่านั้น สีพลอยมันไม่ได้ตรงเป๊ะเหมือนกับสีมาตรฐานทั้ง 6 สีตามรูปภาพ (สีในภาพมีความชัดเจน) ในภาคปฏิบัติเราจะพบพลอยสีก้ำกึ่งระหว่างกัน ยกตัวอย่างช่น ในพลอยสีม่วง(Purple) หากมีสีแดงมากกว่าสีม่วงเราเรียก”แดงม่วง” (Purplish Red) ถ้าสีม่วงมากกว่าแดงก็เรียก”ม่วงแดง” (Reddish Purple) ยกอีกตัวอย่างคือ พลอยสีน้ำเงิน ถ้าพลอยมีสีน้ำเงินและมีสีเขียวอยู่เล็กน้อยเรียกว่า ”น้ำเงินอมเขียว” (Greenish Blue) ถ้าเขียวมากกว่าน้ำเงินเรียก ”เขียวอมน้ำเงิน” (Bluish Green) ห้องปฏิบัติการ (Lab)มีหน้าที่ต้องระบุสีให้ถูกต้องตามความเป็นจริงลงในเอกสารรับรองการตรวจวิเคราะห์อัญมณี
1.2 การตรวจสี: การพิจารณาสีพลอยเราใช้แสงสีขาว เช่นไฟฟลูออเรสเซนส์ เพราะใกล้เคียงแสงธรรมชาติ โดยถือพลอยให้ห่างจากหลอดไฟสัก 15-20 เซนติเมตร หันหน้าพลอยขึ้น(Face-up) โดยมีฉากหลังเป็นสีขาว
หลังจากตรวจสีพลอยเรียบร้อยแล้วทำการตรวจรายละเอียดอีกครั้งโดยคว่ำหน้าพลอยลงบนพื้นหลังสีขาวแล้วมองผ่านก้นพลอย การคว่ำพลอยช่วยให้เราเห็นการกระจายของสีว่าสม่ำเสมอทั่วดีไหม มีหย่อมสี และมีหน้าต่างสีหรือไม่ (จุดบอดสี) เห็นไหมครับว่าการตรวจสีด้วยตนเองได้ประโยชน์แค่ไหน ลองหัดทำดูไม่ยากเลย
2. Saturation (ความสด)
“Saturation” คำนี้เราเห็นบ่อยในใบเซอร์มาตรฐาน หมายถึงความชัดเจนของสี หรือความจัดของสี คือสีนั้นมีความอิ่มตัวมากจึงทำให้สีมีความชัดเจน ในภาษาไทยเรียกว่า ”สีสด” เช่น แดงสด (Saturated Red) เหลืองสด (Saturated Yellow) คือมีความชัดเจนของสีนั้นๆ เราอาจใช้คำว่า “ Vivid” แทนก็ได้ อย่างแดงจัด หรือ แดงชัดเจนก็ “Vivid Red” น้ำเงินชัดเจนก็ “Vivid Blue”
ข้อสังเกต: ถ้าความสดของสีต่ำลง (Low Saturation) ส่งผลให้เราเห็นพลอยเป็นลักษณะดังต่อไปนี้ครับ
สีแดง สีส้ม สีเหลือง (=สีร้อน) ที่มีความอิ่มตัวของสีต่ำ สีพลอยจะอมน้ำตาลอ่อน (Brownish)
สีน้ำเงิน สีเขียว สีม่วง(=สีเย็น) ที่มีความอิ่มตัวของสีต่ำ สีพลอยจะอมเทา (Greyish )
ดังนั้นท่านจำคำว่า “ Brownish” และ “Greyish” สองคำนี้ไว้ให้ดี ถ้าอยู่นำหน้าสีใดบนใบเซอร์ ก็หมายถึงสีนั้นมีความสดของสีน้อยลง เช่นว่า Brownish Red หรือ Greyish Blue เป็นต้น
3. Tone (ความสว่าง)
“โทน” คือความมืดหรือสว่างของสี ยกตัวอย่างสีน้ำเงิน Bright Blue คือสีน้ำเงินสว่าง ถ้า Dark Blue คือน้ำเงินมืด ในวงการค้าจะใช้ศัพท์เฉพาะเรียกพลอยที่สีสว่างว่า “พลอยสีเปิด” อย่างทับทิมสยามนั้นเราพบทั้งสีสว่างและสีที่คล้ำ ทับทิมสีคล้ำที่ทางการค้าเราเรียก”สีแดงดำ”มันคือ Dark Red ส่วนสีแดงสว่างคือ Bright Red พลอยบลูแซฟไฟร์จากศรีลังกาน้ำเงิน Royal Blue คือ Bright Blue ส่วนบลูแซฟไฟร์จากออสเตรเลียมักมีสีคล้ำมืดแบบ Twilight Blue มันก็คือ Dark Blue (พลอยที่สีไม่เปิด) เป็นต้น
พลอยมีสีที่สว่างหรือมืดนั้นเกิดจากคุณสมบัติการดูดกลืนแสงของพลอยที่แตกต่างกัน ถ้าพลอยดูดกลืนแสงมากก็สีคล้ำ การดูดกลืนระดับสูงสุด100% มีผลให้สีดำมืดไปเลย ถ้าดูดกลืนน้อยสีจะสว่างเพราะมีแสงสะท้อนกลับออกมามาก หากปราศจากการดูดกลืนแสงวัตถุนั้นก็เป็นสภาพไร้สี (colorless)
การเลือกโทนขึ้นกับรสนิยมและการใช้งาน ให้พึงสังเกตว่าพลอยจะดูสีเข้มขึ้นเมื่อขึ้นอยู่บนตัวเรือนเครื่องประดับ การเลือกโทนสีเราต้องคำนึงถึงลักษณะการใช้สอยด้วย
ทีนี้เราลองมาดูว่าเวลา Saturation กับ Tone มาอยู่ร่วมกันแล้วมีลักษณะอย่างไร ให้ดูตามชาร์จด้านล่างเลยครับ
ในแนวราบทิศทางจากซ้ายไปทางขวาบ่งบอกระดับความสดหรือความอิ่มตัวของสี ส่วนในแนวตั้งจากบนลงล่างบอกความสว่างของสีจากโทนสว่างลงไปถึงโทนมืด
คำนิยามทั้งสามที่กล่าวมาเราพบในใบเซอร์ ถ้าเราเข้าใจมันจะช่วยให้เราเลือกหาอัญมณีที่ตรงกับความต้องการของเราได้ไม่ยากและปราศจากความสับสน
สีพลอยกับปัญหาในวงการค้าอัญมณี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิทยาการสื่อสารและสาระสนเทศได้พัฒนาจนปัจจุบันเรามีความสะดวก ที่จะหาซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมอร์ชหรือการค้าออนไลน์ ซึ่งรวมถึงสินค้าอัญมณีด้วย เท่าที่สังเกตุมาปัญหาหลักอันเกี่ยวข้องกับสีของอัญมณีที่ผมรับรู้ได้มีอยู่สองประการด้วยกัน
1.ข้อจำกัดของการถ่ายทอดสีในอุปกรณ์ถ่ายภาพ จอมอร์นิเตอร์ และ สิ่งพิมพ์: สีที่เราเห็นผ่านอุปกรณ์ต่างๆนั้นเราใช้เป็นแค่แนวทางที่สื่อให้ใกล้เคียงความเป็นจริงเท่านั้น เพราะกล้องถ่ายรูปต่างรุ่นกัน แสงที่ใช้ ไม่ว่าในสตูดิโอหรือแสงธรรมชาติก็ให้ผลต่างกัน จอมอนิเตอร์ของเครื่องพีซี และของสมาร์ทโฟนก็ล้วนแสดงสีผิดเพี้ยนกันไม่มากก็น้อย ฉะนั้นเราจะยึดถือสิ่งที่เราเห็นเป็นหลักไม่ได้ เพื่อความรัดกุมเราควรอ่านข้อความตัวอักษรที่ระบุถึงสีนั้นๆประกอบไปด้วยครับ เพราะข้อความตัวอักษรมันแน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องรู้จักคำนิยามเกี่ยวกับสีต่างๆที่ใช้กับพลอย ยกตัวอย่าง เช่น Royal Blue, Cornflower Blue, Indigo Blue หมายถึงอะไร ส่วนผู้ค้าที่เป็นมืออาชีพนั้นเขามีหน้าที่ต้องระบุสีของพลอยเป็นลายลักษณ์อักษรลงในเอกสารให้ตรงกับความเป็นจริงนะครับ
จากประสบการณ์สีบางสีไม่สามารถถ่ายทอดด้วยเครื่องพิมพ์ หรือหากทำได้ก็ไม่สมบูรณ์แบบเท่าใดนัก ขอยกตัวอย่าง สีน้ำเงิน Royal Blue เป็นสีพิเศษที่ทำงานร่วมกับแสงส่งผลถึงการรับรู้ของประสาทตา แสงต้องพอเหมาะที่เอื้อให้เห็นสีนี้ เป็นสีน้ำเงินที่อิ่มตัวสูง สีนั้นเข้มข้น ชัดเจน และในสีน้ำเงินนั้นเรารู้สึกได้ถึงสีม่วงอยู่จางๆ ทำให้เรารู้สืกถึงความฉ่ำและความลึกล้ำของสีน้ำเงินนั้น เราต้องเห็นตัวอย่างของจริงเราจึงจะเข้าใจ แบบสิบปากว่าไม่เท่าหนึ่งตาเห็น สีน้ำเงินดังกล่าวนี้เราพบได้ในพลอยแซฟไฟร์จากไพลิน ประเทศกัมพูชา หรือว่า แซฟไฟร์จากเมียนมาร์เป็นต้น สีนี้แทบถ่ายทอดไม่ได้เลยโดยการพิมพ์ มันเกินสมรรถภาพของอุปกรณ์ เราเรียกว่าสีที่เกินขอบเขตความสามารถของอุปกรณ์นี้ว่า “ Out of Camut”
2.ปัญหาการใช้นิยามสีที่ผิดหรือสับสน: ผู้ค้าที่ไม่รู้ว่าตนเองขายอะไร และสีนั้นๆเรียกว่าสีอะไร เป็นปัญหาหญ้าปากคอกที่เราพบได้บ่อยๆ ผู้ค้าส่งหรือ Supplier บอกมาว่าพลอยเม็ดนี้คือสีนี้ ก็เลยจำมาบอกต่อลูกค้า ขอยกตัวอย่างเช่นพนักงานขายประจำหน้าร้านบอกว่าสีแซฟไฟร์เม็ดนั้นคือสี Royal Blue แต่ในความเป็นจริงกลับเป็นแค่สี Indigo เป็นต้น ซึ่งราคานั้นก็แตกต่างกันมาก การตัดสินใช้คำนิยามสีควรให้ห้องแล็ปเป็นผู้ระบุจะดีกว่าครับ เพราะมีความแม่นยำตามหลักวิขา
ผมหวังว่าบทความสั้นๆนี้คงช่วยท่านผู้อ่านให้เข้าใจเรื่องสีในเบื้องต้นไม่มากก็น้อย เรื่องของสียังไม่จบนะครับ ยังมีตามมาอีก บทความนี้เป็นเพียงบทความแรกในเรื่องของสี เรื่องของสีและอัญมณีจะมากันซีรี่ส์แบบหนังเกาหลีเลยครับ แล้วคอยติดตามนะครับ ถ้าท่านเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ก็อย่าลืมกดไลท์ หรือช่วยแชร์ให้ด้วยนะครับ ขอขอบคุณครับ
1 มิถุนายน 2517
ศิริวัฒน์ เจียมอนุสรณ์ (FGA)
คลีนิกอัญมณี
"คลีนิกอัญมณี" เป็นคอลั่มน์รวมบทความต่างๆทางอัญมณีศาตร์ ทั้งที่เกี่ยวกับแวดวงการค้าอัญมณี และในเชิงวิชาการของการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทต่างๆในห้องแลบ ยังรวมไปถึงเรื่องราวอัญมณีที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งอาจมาจากคำถามที่พบบ่อยเป็นต้น บทความที่ผมเขียนขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ในที่นี้ ท่านสามารถติดตามบทความใหม่ของเราที่จะนำเสนอเป็นระยะๆ รวมถึ่งการอ่านเรื่องย้อนหลังได่อีกด้วย
วัฒน์
(หมอพลอย)
หน้าที่เข้าชม | 368,250 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 271,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.พ. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ส.ค. 2568 |
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์: 081-8102763
LINE ID: siriwat28
siriwat.jiamanusorn@gmail
Fanpage: @jwlab.gem