ความคงทน กับ อัญมณี
สินทรัพย์ที่นิยมเพื่อการลงทุนนอกเหนือจากอสังหาริมทรัพย์จำพวกอาคารและที่ดินแล้ว ก็ยังมีศีลปวัตถุประเภทภาพวาด โบราณวัตถุประเภทต่างๆ และอัญมณีเครื่องประดับ โดยเฉพาะอัญมณีเครื่องประดับนั้นไม่ต้องใช้พื้นที่มากมายในการจัดเก็บ และสะดวกในการเคลื่อนย้าย ดูเหมือนว่าอัญมณีนั้นจะทนทานกว่าสินทรัพย์ทั้งหมด จึงมีคำกล่าวว่า “เลอค่า และ อมตะ” ยามที่เราพูดถึงความคงทนในอัญมณี เรามักพูดถึงเฉพาะความแข็ง และที่คนจำนวนมากที่เข้าใจไปว่าความแข็งนั้นคือปัจจัยประการเดียวของความคงทนในอัญมณี อันที่จริงจากการศึกษาเชิงแร่ธาตุต่างๆ (Mineralogy) ความคงทนของอัญมณีจะสมบูรณ์แบบได้ต้องมีองค์ประกอบครบถึง 3 ประการด้วยกัน
ความแข็ง (Hardness)
ความแข็ง หมายถึงความทนทานต่อการขีดข่วน (ผิวหน้าวัตถุ) วัตถุที่มีความแข็งระดับเท่ากันสามารถขูดขีดกันให้เป็นรอยได้ และวัตถุที่แข็งกว่าก็จะขูดขีดวัตถุที่อ่อนกว่าให้เป็นรอยได้ เราแบ่งระดับความแข็งออกเป็น 10 ระดับโดยเทียบกับแร่ชนิดต่างๆที่มีความแข็งต่างกัน เราเรียกโมห์สเกล เริ่มตั้งแต่อ่อนสุด (ระดับ1) ถึงแข็งที่สุด (ระดับ10) ดังนี้ 1.แร่ทัลค์ 2. ยิปซั่ม 3. แคลไซท์ 4. ฟลูออไรท์ 5. อาพาไทต์ 6.ออร์โทเคลส 7.ควอทซ์ 8.โทพาซ 9.คอรันดัม 10.เพชร
แร่ที่แข็งเท่ากันขีดข่วนกันเป็นรอยได้ ขอยกตัวอย่างเช่นแร่ควอท์ซก็สามารถขุดขีดแร่ควอท์ซด้วยกันให้เป็นรอย เพชรแข็งที่สุดสามารถขีดข่วนวัตถุทุกชนิดให้เป็นรอย รวมไปถึงขีดข่วนเพชรด้วยกันให้เกิดรอยได้ ตามหลักอัญมณีศาสตร์แล้วอัญมณีที่ทนทานต่อการขีดข่วนควรมีความแข็งมาตรฐานที่ระดับ 7 ขึ้นไป (ระดับแร่ควอทซ์ ขึ้นไป) สาเหตุเพราะว่า Sio2 หรือว่าแร่ควอทซ์นั้นเป็นแร่ที่มีมากที่สุดในโลก มีตั้งแต่ผลึกขนาดใหญ่ เม็ดทรายขนาดเล็ก จนถึงอนุภาคฝุ่นเล็กๆในอากาศ ดังนั้น Sio2 เป็นตัวกระทำให้เกิดรอยขูดขีดมากที่สุดต่อวัตถุต่างๆบนโลก แหวนเป็นเครื่องประดับที่เสี่ยงต่อการขีดข่วนมากที่สุด ดังนั้นอัญมณีบนเรือนแหวนก็ควรมีความแข็งที่มาตรฐานระดับ 7 ขึ้นไป การเลือกความแข็งอัญมณีเราสามารถเราศึกษาเทียบจากโมห์สเกลได้ครับ
ความบึกบึนเหนียวแน่น (Toughness )
ความบึกบึนเหนียวแน่น คือความสามารถในการรับแรงกระแทก ความเหนียวแน่นบึกบึนเกิดจากคุณสมบัติการเรียงตัวของอะตอมในโครงสร้างผลึก มรกต (Emerald)และหยก ( Jadeite)มีความแข็งเท่ากัน มรกตเมื่อถูกกระแทกจะบิ่นหรือแตกได้ง่าย แต่หยกนั้นโดนแรงกระแทกที่เท่ากันกลับไม่เป็นอะไรเลย ที่เป็นอย่างนี้เพราะว่ามรกตแข็งแต่เปราะ (Bristle) ต่างจากหยกที่โครงสร้างเป็นผลึกกลุ่มที่รวมตัวอัดกันอย่างเหนียวแน่น ( Agregated interlocking ) จึงมีความเหนียวแน่นบึกบึน(Toughness)มากกว่าและทนต่อแรงกระแทกได้สุงกว่ามรกต กล่าวคือหยกมีคุณสมบัติทั้งแข็งและเหนียวแน่นั่นเอง
เพชรแข็งระดับ 10 ถ้าหากว่าบังเอิญเพชรได้รับแรงกระแทกในมุมองศาที่ตรงกับแนวเรียงตัวของอะตอม ที่เรียกว่า Octahedral cleavage เพชรจะแตกออกเป็นแผ่นเรียบในแนวระนาบ เพราะว่าเพชรมีรอยแยกแนวเรียบอยู่ตามธรรมชาติถึง 4 ทิศทาง ช่างเจียรนัยเพชรจะใช้กรรมวิธีนี้ในการผ่าเพชร แยกก้อนเพชรออกจากกันโดยการเคาะหรือกะเทาะ ซึ่งเทคนิกนี้เราเรียกว่าการทำ “ Cleaving “ พลอยเนื้อแข็งประเภท Corundum คือพวกทับทิมและแซฟไฟร์สีต่างๆมีโครงสร้างที่เหนียวแน่น และไม่มีรอยแยก (Cleavage) จึงทนทานต่อแรงกระแทกมากกว่า การทำ Cleaving กับทับทิมและแซฟไฟร์ทำไม่ได้เลย ต้องใช้วิธีตัดด้วยใบเลื่อยเท่านั้น
ความเสถียร (Stability)
ความคงทนต่อการกระทำทางฟิสิก และทาง เคมี กล่าวคือความสามารถที่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่เปลี่ยนแปลงหากทีตัวกระทำทั้งสองอย่าง เช่นทนต่อรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Electro magnetic wave) อุณหภูมิ ทนต่อสารเคมีต่างๆ ทนต่อความเป็นกรดด่างเป็นต้น ขอยกตัวอย่างเช่น พลอย Amethyst นั้นมีสีม่วงเข้มสวยงาม ถ้าปล่อยให้โดนแสงแดดเป็นเวลานานๆ สีพลอยจะซีดจางหายไปกลายเป็นเหลืองซีด หรือเหลืองอมน้ำตาล ฉะนั้นควรเลี่ยงการถูกแสงแดดนานๆครับ พลอย Peridot ไม่ทนต่อสภาพแตกต่างสุดขั้วของอุณหภูมิ (Thermal shock) เช่นว่าเราใส่แหวน Peridot ในอุณหภูมิห้องที่มีอุณหภูมิ 25 องศาที่มีเครื่องทำความอุ่นในฤดูหนาว หลังจากนั้นออกไปกลาง แจ้งที่มีหิมะ ณ.อุณหภูมิ -10 องศา ความแตกต่างของอุณหภูมิสามารถทำให้ Peridot แตกได้ในทันที ไม่ควรสรวมใส่เครื่องประดับพลอย Tanzanite ขณะปรุงอาหารอยู่หน้าเตาไฟ หรือเตาย่างอาหาร เพราะพลอยชนิดนี้ไม่ทนต่อความร้อนอาจแตกร้าวได้ ไข่มุกไม่ควรโดนสารเคมีทุกประเภท สเปรย์ฉีดผม ยาทาเล็บ แม้แต่เครื่องดื่มที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่นน้ำมะนาว หรือน้ำส้มเป็นต้น ถ้าไข่มุกเสียความวาวหรือสีเปลี่ยนไป ก็ไม่สามารถแก้ไขกลับคืนสภาพได้อีกเลย พลอย Opal นั้นมีโมเลกุลของน้ำเป็นส่วนประกอบ ไม่ควรเก็บไว้ในที่ร้อนและแห้ง ถ้าน้ำในพลอยระเหยไปก็จะแตกร้าว อัญมณีเนื้อแข็งอย่างเพชร ทับทิม แซฟไฟร์ คริสโซเบริล และสปิเนล นั้นไม่ทำปฏิกริยากับเคมีใดๆ และมีความทนทานต่อกรดอย่างดีเยี่ยม เพชรนั้นมีคุณสมบัติไม่นำความร้อน คือทนความสุง แต่ถ้าหากถูกความร้อนอุณหภูมิสุงที่ระดับ 800 องศาเซลเซียสก็จะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนแล้วเผาไหม้กลายเป็นถ่าน (ธาตุ Co2) เพราะเพชรก็คืออัญรูปหนึ่งของธาตุคาร์บอนบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับแร่แกรไฟต์ และถ่านเชื้อเพลิง เวลาเกิดอัคคีภัยเพชรจะเสียหายหรือถูกทำลายได้ ขณะเดียวกันหากพลอยเนื้อแข็งพวก Corundum ได้แก่พลอยทับทิม แซฟไฟร์ทุกชนิดหากโดนความร้อนที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียสกลับไม่เป็นไร ไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนหรือเกิดเผาไหม้ ที่เป็นเช่นนั้นเพราะCorundum (Al2O3) นั้นทนความร้อนได้สุงมากถึง 2,044 องศาเซลเซียสจึงหลอมละลาย
ปัจจัยแห่งความคงทนทั้ง 3 ประการนั้น เราควรศึกษาให้เข้าในอย่างถ่องแท้ก่อนตัดสินใจเลือกหาอัญมณีให้เหมาะกับการใช้งาน ทั้งยังช่วยให้เราสามารถจัดเก็บอัญมณีได้อย่างถูกวิธี เพื่อให้อัญมณีเครื่องประดับเหล่านี้อยู่กับเราได้ตราบนานเท่านานครับ
ตัวอย่างการเปรียบเทียบความคงทนอัญมณีเนื้อแข็งสองชนิด
คอรันดัม |
เพชร |
ความแข็ง: 9 |
ความแข็ง: 10 |
ความเหนียวแน่น: ยอดเยี่ยม |
ความเหนียวแน่น: ดี |
ความเสถียร: ยอดเยี่ยม |
ความเสถียร: ดี |
รอยแยกแนวเรียบ: ไม่มี |
รอยแยกแนวเรียบ: 4 ทิศทาง (Cleavage octahedral) |
จุดหลอมเหลว: 2,044 องศาเซลเซียส |
จุดเผาไหม้: 800 องศาเซลเซียส |
แล้วพบกันใหม่ในบทความคราวต่อไปนะครับ
“วัฒน์”
หมอพลอย
คลีนิกอัญมณี
"คลีนิกอัญมณี" เป็นคอลั่มน์รวมบทความต่างๆทางอัญมณีศาตร์ ทั้งที่เกี่ยวกับแวดวงการค้าอัญมณี และในเชิงวิชาการของการตรวจวิเคราะห์พลอยประเภทต่างๆในห้องแลบ ยังรวมไปถึงเรื่องราวอัญมณีที่อยู่ในกระแสความสนใจซึ่งอาจมาจากคำถามที่พบบ่อยเป็นต้น บทความที่ผมเขียนขึ้นจะถูกรวบรวมไว้ในที่นี้ ท่านสามารถติดตามบทความใหม่ของเราที่จะนำเสนอเป็นระยะๆ รวมถึ่งการอ่านเรื่องย้อนหลังได่อีกด้วย
วัฒน์
(หมอพลอย)
หน้าที่เข้าชม | 368,250 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 271,001 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ก.พ. 2559 |
ร้านค้าอัพเดท | 20 ส.ค. 2568 |
ติดต่อสอบถาม
โทรศัพท์: 081-8102763
LINE ID: siriwat28
siriwat.jiamanusorn@gmail
Fanpage: @jwlab.gem